Quantcast
Channel: รีวิวเชียงใหม่ - รีวิวที่เที่ยวเชียงใหม่
Viewing all 19 articles
Browse latest View live

วันเดียวเที่ยว 5 ไร่สตรอว์เบอร์รีดังของสะเมิง

$
0
0

        ช่วงเวลานี้ ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ก.พ.ถือได้ว่า เป็นช่วงที่สะเมิงเข้าสู่หน้าหนาวอย่างเต็มตัว ความหนาวเหน็บ หมอกจางๆเริ่มมีให้เห็นกันทุกๆเช้าที่สะเมิง ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่สตรอว์เบอร์รีกำลังแข่งขันกันออกมามากมาย ผลผลิตของแต่ละไร่ทยอยออกจากไร่กันมาเรื่อยๆ ถือว่าเป็นช่วงทองของนักท่องเที่ยวที่สามารถจะเข้าไปเก็บสตรอว์เบอร์รีสดๆภายในไร่เองได้ เพราะนอกจากจะได้ทั้งบรรยากาศหนาวๆเย็นๆที่ไร่แล้ว เรายังได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนทำไร่สตรอว์เบอร์รีด้วยตัวเองอีกด้วย ว่ากว่าจะมาเป็นสตรอว์เบอร์รีผลสดๆ หวานๆสักลูกหนึ่ง ต้องผ่านกระบวนการดูแลมาอย่างไรบ้าง ใครที่ได้ไปสัมผัสเชื่อได้ว่า จะประทับใจอย่างแน่นอน

        ฉะนั้นผมเองก็ไม่แปลกใจเลยที่ช่วงนี้มีเพื่อนๆหลายๆคนมักจะหลังไมค์ inbox , Line มาถามกันบ่อยๆว่า ถ้าอยากจะไปเก็บสตรอเบอร์รี่ต้องเตรียมตัวยังไง? อย่างไร? เมื่อไหร่? และที่เป็นคำถามที่ยอดฮิตมากก็คือ  ถ้าหากเวลามีน้อยแค่วันเดียว อยากจะนอนค้างคืนที่สะเมิง แต่ก็ทำไม่ได้มีเวลาจำกัด ต้องไปเช้าเย็นกลับ แต่อยากจะเที่ยวไร่สตรอว์เบอร์รีหลายๆไร่ของสะเมิง ต้องบริหารจัดการเรื่องเวลายังไงดี?”  บางทีผมก็มึนแทนเหมือนกันนะครับ แฮ่ะๆ อยากใช้ชีวิต SLOW LIFE แต่ไม่มีเวลา สั้นๆครับ #มึนตึ๊บ 555

       แต่เมื่อลองคิดๆดูแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยซะทีเดียว ที่จะทำให้สามารถเที่ยวกันเกือบจะครบกันทุกไร่ในสะเมิงภายในวันเดียว วันนี้เลยขอลองนั่งทำไกด์ไลน์ในการเที่ยวในวันเดียว มาให้เพื่อนๆได้ลองพิจารณากัน โดยจะเน้นใช้เส้นทางหลักๆ ที่ไม่สมบุกสมบันจนเกินไปนัก ซึ่งรอบนี้จะลองจัดทริปเส้นทางสำหรับสายชิลก่อนนะครับ เอาประมาณว่าเดินเล่นในไร่สตรอว์เบอร์รีชิลๆ เก็บสตรอว์เบอร์รีไป เดินจิบไวน์ไป เอาแบบได้มีเวลาใช้ชีวิตแบบ SLOW LIFE บ้างไรบ้าง ส่วนเพื่อนๆที่ชอบบุกป่าฝ่าดง ขาลุยทั้งหลาย ไว้คราวหน้าจะจัดเส้นทางสำหรับสาย Adventure กันอีกทีนะครับ :)

พร้อมแล้วออกเดินทางกันได้เล้ยยยย

        หากทุกท่านเดินทางจากตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่ สามารถใช้เส้นทางมาสะเมิงได้ 2 เส้นทาง คือ

  • ทางเส้นทางหมายเลขทางหลวง 1096 อ.แม่ริม-อ.สะเมิง

  • ทางเส้นทางหลวงหมายเลข 1269 อ.หางดง-อ.สะเมิง

        ซึ่งทั้งสองเส้นทางจะใช้ระยะเวลาใกล้เคียงกัน อยู่ที่ว่าเราอยู่แถวไหนจะใกล้สุด แต่เส้นทางที่ 2 นั้นโค้งจะน้อยกว่า แต่มีความยากนิดนึงตรงบ้านแม่ขนิน คือทางโค้ง 7 พับ  หนทางอาจจะคดเคี้ยวกว่านิดหน่อย แต่โค้งน้อยกว่าแน่นอน :)


--------------------

1.ไร่แกรนด์เบอร์รี่ การ์เด้น

        08.00 น.เพื่อนๆจะเจอไร่นี้เป็นไร่แรกหากเข้ามาอำเภอสะเมิง พอลงดอยสูงผ่านสถานีเกษตรวิจัยข้าวสะเมิงปุ๊บ จะเจอไร่นี้อยู่ข้างทางขวามือ ทางเข้าสถานีเกษตรหลวงปางดะ

        ที่นี่จะมีกาแฟสดหอมกรุ่นไว้บริการ ภายในไร่จะมีพืชค่อนข้างหลากหลาย ทั้งองุ่น แปลงสตรอว์เบอร์รี และสวนดอกไม้สวยๆไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้านหน้ามีร้านขายของฝาก และผักผลไม้เมืองหนาวมากมายหลายอย่างไว้ให้บริการมากมาย เพื่อนๆสามารถจอดรถข้างทางแล้วเดินเข้าไปเที่ยวชมในไร่กันได้เลย หลังจิบกาแฟกันเสร็จก็เดินทางกันต่อได้เลย

ติดต่อเจ้าของไร่
คุณนิด โทรศัพท์ : 089-851-5930
Facebook : https://www.facebook.com/grandberrygarden

--------------------
2.ไร่นภ-ภูผา

        09.30 น.ออกจากไร่แกรนด์เบอร์รี่การ์เด้น ก็มาถึงไร่นภ-ภูผา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ไร่อยู่ทางขวามือแต่ต้องเลี้ยวเข้าจากปากทางประมาณ 50 เมตร มีป้ายบอกทางเข้าไร่ชัดเจนอยู่ขวามือ

        ที่ไร่นี้จะมีพื้นที่จะกว้างขวางมาก เหมาะแก่การมาตั้งเต็นท์ ปิกนิกอย่างมาก มีม้าแคระเฝ้าไร่ชื่อว่าน้องเซเว่น  มีไว้เป็นพร็อพสนุกๆเอาไว้ถ่ายรูปเล่นกัน พื้นที่โดยรอบจะมีบ้านพักโอบล้อมทั่วทั้งไร่ มีร้านอาหารเรือนไม้ข้างแปลงสตรอว์เบอร์รี ไว้สำหรับรับประทานอาหาร หรือนั่งดื่มเย็นๆ พร้อมชมบรรยากาศของไร่ได้แบบสบายๆ หรือหากใครอยากจะมีกิจกรรมสนุกๆระหว่างอยู่ในไร่ สามารถขับรถ ATV ชมภายในไร่เล่นได้

ติดต่อเจ้าของไร่
คุณชัย,คุณไก่ โทรศัพท์ : 081-603-9800
Facebook : https://www.facebook.com/napaphupa

--------------------

3.ไร่วงศ์วาน

        12.00 น.เส้นทางมาไร่นี้ ให้เดินทางมาทางบ้านทรายมูล แล้วเลี้ยวเข้าทางวันแสนตอง เข้าซอยมาประมาณ 1 กม. ก็จะเจอกับไร่วงศ์วาน มีพื้นที่ปลูกสตรอว์เบอร์รีมากพอสมควร

        ไร่นี้เป็นไร่แรกๆที่ทำไร่สตรอว์เบอร์รีเชิงท่องเที่ยวที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถลงมาเก็บกันสดๆในแปลงกันได้เลย ยังมีบริการร้านอาหาร เครื่องดื่ม และที่พักไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาใช้บริการกันอีกด้วย


ติดต่อเจ้าของไร่
คุณหวัง คุณสอน โทรศัพท์ : 085-712-0901
Facebook : https://www.facebook.com/wongwan.strawberry
Website : http://www.strawberrywongwan.com

--------------------

4.ไร่สตรอว์เบอร์รีไผ่สีทอง

        14.00 น.ตั้งอยู่ที่บ้านแม่สาบ ห่างจากตัวอำเภอมาประมาณ 5 กม. อยู่บนถนนหมายเลข 1269 โดยใช้เส้นทางบ่อแก้ว-สะเมิง หลังจากผ่านถ้ำหลวงแม่สาบแล้ว จะเจอไร่อยู่ทางด้านซ้ายมือ

        พื้นที่ภายในไร่สตรอว์เบอร์รีมีบริการในเรื่องของเครื่องดื่ม และเบเกอร์รี่  และที่พัก ยิ่งในปีนี้ทางไร่มีการขยายพื้นที่แปลงสตรอว์เบอร์รีมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมขยายในเรื่องของบ้านพัก ให้มากขึ้นเพื่อให้รองรับกับนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นอีกด้วย เพื่อนๆสามารถนอนในแปลงสตรอว์เบอร์รีได้เลย บรรยากาศถือได้ว่าสวยงามเลยทีเดียว

ติดต่อเจ้าของไร่
คุณไผ่ โทรศัพท์ : 086-312-5680, 081-180-5258
Facebook : https://www.facebook.com/ไร่ไผ่สีทอง-181314625346879/
Website : http://www.strawberrychiangmai.com
E-mail : raipaiseetong@gmail.com

--------------------

5.ไร่สตรอว์เบอร์รีดอยนก

        16.00 น.ไร่สตรอว์เบอร์รีดอยนก ตั้งอยู่ห่างจากบ้านแม่สาบ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 5 กม. ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 1269 บ่อแก้ว-สะเมิง ไร่นี้สังเกตและหาง่ายมากเพราะบริเวณไร่ตั้งอยู่ใกล้บันไดทางขึ้นสู่พระธาตุดอยนก

        พื้นที่ภายในไร่สตรอว์เบอร์รี ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงาม การวางแปลงสตรอว์เบอร์รีเน้นเรื่องความสวยงามเป็นหลัก ที่นี่ยังเลี้ยงน้องแกะไว้ 5 ตัวเพื่อให้เพื่อนๆได้มีกิจกรรมป้อนหญ้า ให้เราทำสนุกๆเวลาอยู่ในไร่ ถือว่าเป็นกิจกรรมยามว่างที่เด็กๆชอบกันมาก

        ที่นี่มีบ้านพักไว้ให้บริการอีกด้วย การตกแต่งบ้านพัก ของที่นี่ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเน้นการตกแต่งที่เน้นให้เห็นบรรยากาศโดยรอบของไร่ หากมองจากตัวบ้าน ตกแต่งแบบล้านนาประยุกต์ ให้ดูทันสมัยแต่เรียบง่าย ถือว่าเป็นการออกแบบตกแต่งที่น่าสนใจ ได้อย่างลงตัวและดีเลยทีเดียว

ติดต่อเจ้าของไร่
โทรศัพท์ : 053-487-289
Facebook : https://www.facebook.com/doinokstrawberryresort
Website : http://www.doinokresort.com/#!competitions/alexq

--------------------

        เป็นไงบ้าง ถูกใจกันรึเปล่ากับรีวิววันเดียวไปได้ทั้ง 5 ไร่ขนาดนี้ สำหรับบางคนที่ต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัด และอยากจะเก็บสรอว์เบอร์รีไว้กลับไปกินที่บ้านหรือเอาไปฝากเพื่อนฝูง บางทียังไม่เท่าไรมันก็ช้ำและเสียจนทานไม่ได้ซะแล้ว จะทำไงดีล่ะเนี่ย? อย่ากังวลไป เรามีวิธียืดอายุสตรอว์เบอร์รีให้เก็บไว้ได้นานขึ้นนั้นไม่ยากเลย ขอแค่ใช้เทคนิคและเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง 

เก็บสตรอเบอร์รี่ ยังไงให้อยู่นาน ???

1. สตรอว์เบอร์รี่ เป็นผลไม้ผิวบางมากๆ

ฉะนั้นมันง่ายต่อการช้ำมากๆ สังเกตุสักนิดก่อนซื้อ ว่าผิวมันช้ำมากหรือเปล่า ถ้าช้ำมากๆ แน่นอนว่าเน่าเร็วแน่นอน

2. ถ้าจะเอาสตรอเบอร์รี่เดินทางข้ามวัน ข้ามคืน

ควรแจ้ง คนขายว่าต้องเอาไป ตจว. กทม. ฯลฯ เพื่อทางแม่ค้าจะได้เลือกผลห่ามๆให้ เพราะมันจะทำให้เก็บไว้ได้นานกว่าผลสุกเต็มที่

3. ถ้าต้องเอาไปจำนวนมากๆ

ควรจะให้เค้าแพ็คเป็นกล่องที่ใช้สำหรับขนส่งโดยเฉพาะ โดยมากจะเป็นกล่องพลาสติกแข็งๆ เหมาะแก่การขนส่ง และการแพ็คกล่องจะมีใบสตรอว์เบอร์รีสดรองอยู่ในกล่องด้วย ป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี

4. ถ้าจะเอาไปฝากกล่องเล็กๆ

เลือกกล่องที่มันมีหูหิ้ว และมีรูให้สตรอว์เบอร์รี่หายใจ เพราะถ้ามันอัดกันแน่น ไม่มีรูระบายอากาศ เน่า!! แน่ๆครับ

5. ถ้าถึงบ้าน ถึงที่หมายแล้ว

ก่อนเอาใส่ตู้เย็น ห้ามล้างเด็ดขาด หากระดาษนุ่มๆห่อไว้แล้วเก็บใส่ถุงซิป แล้วเอาไว้ในตู้เย็น ถ้าจะรับประทาน เอาออกมาให้สตรอว์เบอร์รี่คลายความเย็นสักนิด แล้วค่อยล้าง และรับประทาน

6. สตรอว์เบอร์รี่มันก็เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง

การที่มันจะเน่าบ้าง เสียบ้าง เป็นเรื่องปกติครับ นี่ก็เป็นแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เคล็ดไม่ลับ ที่จะทำให้เราได้เก็บสตรอว์เบอร์รี่ไปฝากเพื่อนๆ กันได้แบบไม่เสียหน้า และถึงมือคนรับประทาน แบบประทับใจคนรับแน่นนอนครับ ^^
 

ขอขอบคุณ
เรื่องและภาพโดย : www.at-samoeng.com
ติดตาม Fanpage : at-samoeng

12 ที่นับพลุ ดึงดาว โต้ลมหนาว Countdown 2016

$
0
0

 

ถ้าช่วงปีใหม่นี้ยังไม่ได้วางแผนที่จะไปไหน Review Chiang Mai มีที่เคาท์ดาวน์สุดเจ๋งมาฝากคุณ แต่ถ้าหากมีแผนในใจแล้วล่ะก็ เราจะทำให้คุณตัดสินใจยากยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการส่งท้ายปีเก่าในแหล่งวัฒนธรรม, Countdown Concert แบบแดนซ์กระจาย, ตื่นตาตื่นใจกับโชว์แสงสีเสียง  หรือจะสนุกบนเส้นทางเสือ สิงห์ กระทิง แรด โอยยย ~ พูดแล้วคึกคัก ตัวเลือกเยอะขนาดนี้ ไปช่วยกันเลือกหน่อยดินายยยยย
 

……………………………...


1. Chiang Mai Countdown Festival 2016

ข่วงประตูท่าแพ


 

เคาท์ดาวน์แบบฮักเจียงใหม่ต้องห้ามพลาดกับสถานที่ฉลองปีใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมือง เชิญชมกับบรรยากาศออกร้านบนถนนสายวัฒนธรรม ทั้งมหกรรมอาหาร สินค้าของที่ระลึกและการแสดงดนตรีพื้นเมือง หลังจากนั้นไปสนุกสุดขีดกับคอนเสิร์ตที่จัดบนลานข่วงประตูท่าแพ พร้อมดูชุดพลุอลังการในเวลาเที่ยงคืนตรง งานนี้คนอาจจะเยอะสักหน่อย แต่ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์แน่นอน

สถานที่ : ข่วงประตูท่าแพ - ถนนท่าแพ
วันที่ : 25 - 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 18.00 - 24.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
คอนเสิร์ต :
วง SL Music (30 ธันวาคม 2558 เวลา 21.00 น.)
โดม ปกรณ์ ลัมป์ (31 ธันวาคม 2558 เวลา 23.00 น.)

……………………………...
 

2. Chang Presents Chiang Mai Countdown 2016
เซ็นทรัลเฟสติวัล


 

ต้อนรับปีลิงคึกคักในคอนเสิร์ตสายดีว่า นำทัพศิลปินโดยเจนนิเฟอร์ คิ้มและตู่ ภพธร ตามมาด้วยอ้น และนท เดอะสตาร์, Season5, ปรางและเบส เดอะวอยซ์ 4 และนัททิว ร่วมร้องเล่นเต้นกระโดดกัน ณ แลนด์มาร์คเคาท์ดาวน์อีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ที่จัดแสงสีเสียงไว้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยเครื่องดื่มสุดล้ำแบบจัดเต็มจากช้าง มางานนี้งานเดียวก็ได้เจอหน้าศิลปินแบบคุ้มได้อีก
 


ตู่ ภพธร


อ้น เดอะสตาร์


นท เดอะสตาร์


season5

สถานที่ :ลานเซ็นเฟส ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 17.00 น. เป็นต้นไป
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : 053-998999

………………………………
 

3. Singha Corporation Presents Stylish Countdown 2016
เมญ่า


 

เป็นคู่แข่งที่ตามกันมาติดๆ เมื่อมีช้างก็ต้องเจอสิงห์ งานเคาท์ดาวน์ใจกลางเมืองจากใจเบียร์สิงห์ นั่งจิบเบียร์เย็นๆ เคล้าเสียงเพลงจากวงดนตรีขวัญใจวัยฮอร์โมนสูง แหม…..สิงห์ร่วมมือกับเมญ่าทั้งที จะมันส์น้อยกว่านี้ได้ไง เลยจัดเต็มกันไป 4 วันรวดกับศิลปินไม่ซ้ำหน้า รักใครชอบใคร เลือกซะ !!

สถานที่ : ลานกิจกรรม ห้างสรรพสินค้าเมญ่า
วันที่ : 28 - 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 17.00 น. เป็นต้นไป
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
คอนเสิร์ต :
วง Tabasco & Apartment Khunpa (28 ธันวาคม 2558)
วง Playground (29 ธันวาคม 2558)
วง Lipta (30 ธันวาคม 2558)
Sin Singular & วง Sqweez Animal (31 ธันวาคม 2558)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : 052-081555

………………………………
 

4. Double Shot Countdown Party
ลานประเสริฐแลนด์



 

อยากปลดปล่อยเรื่องราวเก่าๆและโยนความทรงจำที่ไม่ดีทิ้งไป อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมินต้องมาส่งท้ายปีเก่าเริ่มต้นปีใหม่ในปาร์ตี้คอนเสิร์ตนี้ แดนซ์มันส์ลืมโลกไปเลยกับทีมดีเจชื่อดัง เช่น ดีเจบุดด้า, ดีเจฟ้าใส, ดีเจ Make you freak,คู่ดูโอ้ ดีเจ Dave Emanuel และ Divine ปิดท้ายด้วยดีเจหล่อแซ่บ Gerald Madden จากเยอรมัน (คืออยากบอกว่าเราแอบเปิดเพลงฟังในที่ทำงาน บอสยังมันส์จนเหลียวมอง เอ้าาาา ปักหมุด!!!)

สถานที่ : นิมมาน ซ.6 ลานประเสริฐแลนด์
วันที่ : 30 - 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 17.00 น. เป็นต้นไป
ค่าเข้าชม :
บัตรธรรมดา 300 บาท / บัตรVIP 900 บาท (เครื่องดื่มฟรีตลอดงาน) ซื้อบัตรได้ที่หน้างานหรือ Thai Ticket Major ทุกสาขา
โปรโมชั่น :ใบโบรว์ชัวร์ PR งาน Double Shot Countdown Party สามารถใช้เป็นส่วนลดได้หน้างาน (ส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อบัตรธรรมดา 2 ใบ หรือบัตรVIP 1 ใบ)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :ทีมงาน 093-279-5492

……………………………...

5. Count Down Zapp 2016
เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว


 

อีกหนึ่งคอนเสิร์ตเคาท์ดาวน์สำหรับสายแดนซ์สายแฮงค์ แค่ชื่องานก็แสบแล้วกับเคาท์ดาวน์แซ่บ!!! 2016 งานนี้จัดใกล้ๆในสถานที่ที่หลายๆคนคุ้นเคยอย่างห้างเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว ภายในงานมีกิจกรรมร้องเต้นเล่นเกมส์ชิงรางวัลมากมาย ทีมดีเจอาจจะน้อยกว่างาน Double Shot Countdown Party แต่น่าสนใจตรงร่วมสนุกฟรีนี่แหละ

สถานที่ :ลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : 053-224999

……………………………...

6. Countdown Party Safari Night 2016
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี


 

อยากดูเสือ สิงห์ กระทิง แรด ของจริงต้องมาทางนี้ ยกกันมาทั้งป่าทีเดียวกับ Countdown Party Night Safari 2016 พบกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินเดอะวอยซ์ อิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรส แถมด้วยการแสดงสุดพิเศษจากสารพัดสัตว์ หลังจากนั้นก็เตรียมตัวนับถอยหลังต้อนรับปี 2559 กันเลย จะว่าไปโปรแกรมนี้เหมาะกับการไปกับครอบครัวมากเลยล่ะ ที่สำคัญคือหลัง 4 ทุ่มเป็นต้นไป เข้าฟรี !!!
 


สถานที่ : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 18.30 - 24.00 น.

ค่าเข้าชม : (เข้าชมฟรีหลัง 22.00 น.เป็นต้นไป)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : 053-999000

………………………………

7. ส่งความสุขปีใหม่ 2559
อุทยานหลวงราชพฤกษ์


 

อยากบอกลาปีเก่าแล้วทักทายปีใหม่ด้วยความสุขสดชื่น ต้องมาเดินชมความงามของดอกไม้เมืองหนาวในเทศกาลชมสวน(Flora Festival 2015)  พร้อมชมไฮไลท์ ได้แก่ นิทรรศการ 84 พรรณพฤกษาราชินี, สวนเกษตรทฤษฎีใหม่, ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง, อุทยานกล้วยไม้, เรือนไม้ดอกควบคุมอุณหภูมิ, อุโมงค์ไม้ดอกยาวกว่า 70 เมตร, Flower Mosaic : มงกุฎดอกไม้ เป็นต้น และพิเศษสุดช่วงค่ำฟังบทเพลงเพราะๆ จากวงพิสมัยพาเพลิน และวง The Opposite พร้อมมินิคอนเสิร์ตจาก “ต้อล-วันธงชัย อินทรวัตร” ปิดท้ายด้วยความอลังการของพลุต้อนรับปีใหม่ 2559 ณ ลานราชพฤกษ์
 

สถานที่ :อุทยานหลวงราชพฤกษ์
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558 - 2 มกราคม 2559
เวลา : 8.00 - 20.00 น. (พิเศษเฉพาะวันที่ 31 ธันวาคม เปิดตั้งแต่ 8.00 - 1.00 น.)
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย (แสดงบัตรประชาชน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : 053-114110-5  / www.royalparkrajapruek.org


 

………………………………

8. กาแลไนท์บาซาร์
Countdown 2015 & Happy New Year 2016
กาแลไนท์บาซาร์


 

นึกถึงเชียงใหม่ ต้องนึกถึงไนท์บาซาร์ และที่นี่ก็มีทีเด็ดสำหรับเคาท์ดาวน์เช่นกัน นอกจากจะได้เดินเล่นตลาดยามค่ำ ดูของกิน ของที่ระลึกแปลกตาแล้ว ก็ยังมีการแสดงแสงสีเสียง การแสดงรำไทย และคาบาเร่จากชาวไนท์บาซาร์ไว้ให้ได้เพลิดเพลินกัน เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากไปไหนไกลมาก แต่ก็ได้ผ่อนคลายพอหอมปากหอมคอล่ะ

สถานที่ : กาแลไนท์บาซาร์
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 20.00 - 24.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : 053-272067

 

………………………………


นอกจากจะไปเคาท์ดาวน์ต้านลมหนาว นับพลุ ดึงดาวกันในสถานที่ใหญ่ๆแล้ว เราก็ยังสามารถไปร่วมสนุกแบบเป็นกันเองตามร้านต่างๆในย่านสุดชิคได้อีกด้วย ซึ่งจากการสืบหามา 100 ร้าน (เว่อร์ไป) เอาเป็นว่าหลายร้านละกัน เราก็ได้ข้อมูลงานปาร์ตี้ที่จิ๋วแต่แจ๋วมาดังนี้
 

9. The Good View Bar & Restaurant

เฉลิมฉลองกับเทศกาลแห่งความสุข นับถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ชมพลุริมน้ำปิงสุดอลังการ ที่ The Good View Bar & Restaurant ซึ่งที่นี่เลื่องชื่ออยู่แล้วว่าอาหารอร่อย ดนตรีเพราะ แถมวิวสวยอีกด้วย พร้อมด้วยเครื่องดื่มชั้นเลิศไว้บริการ ซึ่งใครอยากไปคงต้องรีบจองโต๊ะหน่อยล่ะ เพราะโต๊ะเต็มเร็วมาก
 


เริ่มต้นปีใหม่ จะมีอะไรดีไปกว่าอาหารเลิศและเครื่องดื่มชั้นดี

 

ทัศนียภาพแม่น้ำปิงยามค่ำ


มาท่าเทียบเรือด้วยนะ


โรแมนติคใต้โคมไฟและแสงเทียน

 

สถานที่ : The Good View Bar & Restaurant  13 ถ.เจริญราษฎร์ ต.วัดเกต อ.เมือง เชียงใหม่ 50300
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 10.00 - 1.00 น.
สอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่ง : 053-241866 , 053-302764

………………………………

10. The Good View Village

อีกหนึ่งสาขาสำหรับร้าน The Good View ในชื่อ The Good View Village ที่เชิญพวกเราไปเฉลิมฉลองส่งท้ายปี 2558 และนับ count down ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคมร่วมกัน  พร้อมชมพลุสุดอลังการร่วมกับวงดนตรีสนุกสนานตลอดค่ำคืน งานนี้จะไปเป็นแก๊งเพื่อนหรือเกี่ยวก้อยไปเป็นคู่ ก็ฟินข้ามปีไปเลย
 


ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่หมู่บ้าน Good View


บรรยากาศสไตล์อิงลิชคันทรี่


บรรยากาศเหมือนอยู่เมืองนอกเลย


ชุดพลุมาแบบจัดเต็ม ไม่ได้ทำกันเล่นๆนะ

 

สถานที่ : The Good View Village ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 17.00 - 1.00 น.
สอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่ง : 053-904406-8

………………………………

 

11. Home Sit Cafe

ใครกำลังหาร้านนั่งชิลสบายๆ แบบเพื่อนชวนเพื่อน แต่ยังไม่ทิ้งความมีสไตล์ เราขอแนะนำเคาท์ดาวน์ปาร์ตี้ที่ร้านนี้เลย คาเฟ่สุดฮิปที่มีอาหารและเครื่องดื่มราคาเบาๆ แถมยังได้ลุ้นของรางวัลกับทางร้านอีก ร้านสวย ดนตรีเพราะ มีทั้งDJและ Live Music ชวนเพื่อนสาวไปแจ้งเกิดเลยเธอ !!
 


Home Sit Cafe ไปแล้วไม่มีเหงา


บรรยากาศร้านอบอุ่นเป็นกันเอง


ตกแต่งด้วยของสะสมเก่าๆรุ่นคุณพ่อคุณแม่


สถานที่ : Home Sit  ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 1(ปากซอย)
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 17.00 - 24.00 น.
สอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่ง : 084-171-1666 / 086-916-7754

………………………………

12. Malin Sky


 

ปิดท้ายร้านสุดท้าย พาเราไปโบกมือลาปีเก่าทักทายปีใหม่กันบนดาดฟ้าของมาลินพลาซ่า สนุกสนานกับเสียงเพลง เพื่อนฝูงและเครื่องดื่มแล้วมองวิวเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืน พร้อมร่วมลุ้นกับกิจกรรมเล่นเกมส์ชิงรางวัล อยากแบ๊วอุ้มตุ๊กตาหรือโชว์เหนือชิงเหล้าต้องไปลุ้นกันเอาเอง ปิดท้ายด้วยชุดพลุอลังการไม่น้อยหน้าร้านอื่น แบบนี้จะพลาดได้ไง



วัยรุ่นเยอะ สาวสวย พีอาร์เด็ด ครบเครื่อง!!


ของขวัญพร้อมแล้ว คนรับพร้อมยัง?


สนุกจัดเต็ม !!!

 

สถานที่ : Malin Sky ตลาดมาลินพลาซ่า ถนนห้วยแก้ว (อยู่ชั้นดาดฟ้า)
วันที่ : 31 ธันวาคม 2558
เวลา : 18.00 - 24.00 น.
สอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่ง : 098-7868109
 

………………………………
 

จากรีวิว 12 ที่เคาท์ดาวน์ทั้งหมดนี้ ทำให้รู้ว่าอันที่จริงเชียงใหม่เราก็มีที่เคาท์ดาวน์เยอะเหมือนกันนะ ไม่แน่ใจว่าจะทำให้คุณตัดสินใจง่ายหรือยากขึ้นกันแน่น้า เพราะแต่ละที่ถือได้ว่าเด็ด จัดเต็ม พร้อมให้เรานับพลุ ดึงดาว โต้ลมหนาว Countdown 2016 กันเต็มที่ !!! ถ้าใครตัดสินใจได้แล้ว หลังไมค์มาช่วยเราเลือกก็ดีนะฮ๊าฟ เผื่อจะได้ไปส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยกัน ^_^

 

ท่านใดมีที่เคาท์ดาวน์สุดเจ๋ง แบบเด็ดจัดเต็ม  อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

 


10 สิ่ง Things to do จาก"กูรู"ดอยอ่างขาง

$
0
0

 

        อยู่เมืองเหนือในหน้าหนาวทั้งที หากไม่ขึ้นดอยเห็นทีคงจะพลาด โดยเฉพาะดอยที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่อย่างดอยอ่างขาง จากระดับความสูงเหนือน้ำทะเล 1,400 เมตร และภายในพื้นที่รวมทั้งหมดถึง 16,577 ไร่นั้น มีทีเด็ดที่ชื่อว่า "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง"ตั้งอยู่ และ ณ ที่นี่เองเราได้ค้นพบ 10 สิ่ง Things To Do จาก "กูรู"ดอยอ่างขาง ที่ทำแล้วอวดได้ยันหลานโตแน่นอน

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

1. คอนนิจิวะ สวัสดีซากุระญี่ปุ่น

 

 

        มาถึงดอยอ่างขาง ต้องมาทักทายกับหนึ่งเดียวในประเทศไทยตอนนี้ นั่นก็คือซากุระญี่ปุ่นพันธุ์แท้ซึ่งถูกเพาะพันธุ์อยู่รอบสถานีฯอ่างขางเป็นจำนวนมากถึง 5,000 ต้น และกำลังอยู่ในช่วงอายุประมาณ 10 กว่าปี ซึ่งเป็นวัยขบเผาะสำหรับต้นซากุระที่พร้อมจะผลิดอก อวดโฉมต่อสายตาชาวโลกได้พอดี ซึ่งซากุระที่นี่จะบานสะพรั่งเพียงช่วงเวลาสั้นๆคือ เดือนธันวาคม - มกราคมเท่านั้น โดยดอกซากุระญี่ปุ่นนั้นจะแตกต่างจากดอกนางพญาเสือโคร่งตรงที่ดอกซากุระจะมีขนาดใหญ่และมีสีชมพูเข้มกว่า และนอกจากซากุระญี่ปุ่นแล้วที่สถานีฯอ่างขางนี้ก็ยังมีซากุระไต้หวันหรือเชอร์รี่ไต้หวันไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

 

บานสะพรั่งเหมือนภาพวาดบนผืนฟ้ากว้าง

 

ความงดงามของมันเหมือนบทกวี
ก่อนดอกผลิบานจะยืนต้นเหลือแค่กิ่งก้าน หลังบานสะพรั่งแล้วดอกจึงร่วงโรยลงพร้อมกัน

ต้นซากุระญี่ปุ่นต้นนี้ยืนต้นอยู่ใกล้ๆแปลงกุหลาบอังกฤษ
 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 

2. สตรอว์เบอร์รีจ๋า พี่มาหาแล้ว

 

 

       สตรอว์เบอร์รีที่ขึ้นชื่อ นอกจากที่อำเภอสะเมิงแล้ว ก็คือสตรอว์เบอร์รีจากดอยอ่างขาง โดยสตรอว์เบอร์รีที่นี่ทางสถานีฯอ่างขางได้ควบคุมอย่างเข้มงวดตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัยสายพันธุ์ใหม่ การเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว รับประกันได้ว่านอกจากจะหวาน หอมและอร่อยแล้ว ยังปลอดสารพิษแน่นอน ซึ่งเราสามารถเที่ยวชมได้ตั้งแต่แปลงวิจัยภายในสถานีฯอ่างขาง ไปจนถึงหมู่บ้านสตรอว์เบอร์รีนอแลที่อยู่ใกล้ๆกัน ไม่เพียงแค่ได้เด็ด กิน ชิม ดมสตรอว์เบอร์รีสดๆจากต้นเท่านั้น แต่ยังมีทัศยนีภาพของไร่สตรอว์เบอร์รีแบบขั้นบันไดเป็นของแถมอีกด้วย

 

สตรอว์เบอร์รีพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่ออกสู่ท้องตลาด เห็นผลเล็กๆแบบนี้แต่กลิ่นหอมมาก แถมหวานมากด้วย

 

ไร่สตรอว์เบอร์รีแบบขั้นบันได ที่เห็นแล้วอยากทิ้งตัวลงกลางใจเธอ

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

3. เดิมดมชมดอกไม้ มโนไว้ว่าเราอยู่สวิต

 

 

       อยากเที่ยวชมดอกไม้เมืองหนาว ไม่ต้องไปไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์ เพราะที่สถานีฯอ่างขางเต็มไปด้วยดอกไม้เมืองหนาวที่บานสะพรั่งได้ทุกฤดู เนื่องจากมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นดอกดาเลีย, พิทูเนีย, เจอราเนียม, แมกโนเลีย, มอร์นิ่งกลอรี่ หรือลาเวนเดอร์ ไม่ใช่แค่สีสันสดใสเท่านั้น แต่ไม้ดอกเหล่านี้ยังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆอบอวลไปทั้งสถานีฯอ่างขาง ทำให้เราเพลิดเพลินจนลืมเวลาได้เป็นอย่างดีทีเดียว

 

ดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสันแบบนี้พบได้อยู่ทั่วสวน 80

 

ดอกกุหลาบอังกฤษช่อโต กลิ่นหอมชื่นใจในสวนกุหลาบอังกฤษ

 

นั่งชิลกลางสวน ล้อมวงด้วยแปลงดอกลาเวนเดอร์สีม่วง

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

4. หยุดพักดูผักสวยบ้านVeggies

 

 

 

        Veggies House นี้เป็นเสมือนโรงเรียนอนุบาลสำหรับผัก เพื่อแสดงให้เห็นว่าผักที่จำหน่ายในโครงการหลวงนั้นมีที่มามาจากที่นี่นั่นเอง ซึ่งคงจะเป็นมุมโปรดของสมาคมคนไม่กินเนื้อแน่นอน เพราะนอกจากจะมีผักเมืองหนาวนานาพรรณให้เดินชมกันอย่างถึงใจแล้ว ที่นี่ยังโชว์เหนือด้วยการปลูกผักสวยๆแบบปลอดสารพิษอีกซะด้วย แม้แต่คนไม่ชอบกินผักก็ยังใช้เวลาเดินเพลินๆได้ เพราะผักบางชนิดที่นี่ก็หากินได้ยากตามท้องตลาดแถมยังผลโตสุดๆ 

 

หน้าทางเข้า Veggies House

 

 พืชผักที่นี่ใหญ่ยักษ์ไหมล่ะ แต่ห้ามเด็ด ห้ามชิมเด็ดขาด ดูอย่างเดียว

 

พริกหวานสีแดงผลโต สีสวยน่าทาน

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

5. เรื่องบ๊วยๆบนผืนดิน


 

       ติดๆกันกับ Veggies House อย่ามองข้ามต้นไม้ทรงเตี้ยที่ทิ้งใบจนร่วงโกร๋น เหลือแต่กิ่งก้านคล้ายกับยืนต้นตาย เพราะมันคือต้นบ๊วยนั่นเอง ในช่วงฤดูดอกบ๊วยบานนั้น ทั้งต้นจะเต็มไปด้วยดอกเล็กๆสีขาว พร้อมให้เก็บเกี่ยวผลผลิตในเวลาต่อมา ซึ่งผลบ๊วยจากสวนก็จะถูกนำไปทำบ๊วยสามรสและบ๊วยเค็มเพื่อวางจำหน่ายในร้านโครงการหลวงต่อไป และนอกจากบริเวณสวนผักแล้ว เรายังสามารถเดินเที่ยว เดินชมสวนบ๊วยได้อีกจุดหนึ่งที่สโมสรอ่างขางนั่นเอง มาเที่ยวคราวนี้ เราก็จะได้เห็นที่มาของบ๊วยเม็ดอร่อยที่ชอบกินมาตั้งแต่เด็กๆสักที
 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

6. แวะชิมยำสตรอว์เบอร์รี อยากจะหลีแม่ครัวสโมสร

 

 

       เค้าว่าเสน่ห์ของผู้หญิงอยู่ที่ปลายจวัก และเสน่ห์ของแม่ครัวสโมสรสถานีฯอ่างขางที่มีมากจนอยากหลีและสีไปอยู่ที่บ้านก็คือ ยำสตรอว์เบอร์รีจานเด็ด ที่คุณพี่ไปเก็บสตรอว์เบอร์รีสดๆมาจากต้นก่อนนำมาคลุกเคล้ากับน้ำยำรสชาติจัดจ้าน ความหวานกรอบของสตรอว์เบอร์รีเข้ากันได้ดีกับรสเผ็ดของพริกและรสเปรี้ยวจากน้ำมะนาวอย่างเหลือเชื่อ นอกจากเมนูนี้แล้วก็อย่าลืมชิมปลาแอนโชวี่หมกสไตล์ชาวดอย สลัดอ่างขางที่เก็บผักสดๆมาจากแปลง รวมถึงขาหมูหมั่นโถว อร่อยจนแทบลืมบ้านเลขที่
 

ขาหมูหมั่นโถว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสแซ่บ!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

7. ตะโกนทักฝั่งพม่า มองข้ามป่าเห็นวิวเมือง

 

 

        มีใครเคยลองตะโกนข้ามประเทศไหม? ถ้าหากยังไม่เคย ต้องลองสวมวิญญาณเหิรฟ้า(ตัวละครฮิตในยุคพ่อยังหล่อ)ขึ้นไปบนยอดดอย สูดอากาศหายใจให้ลึกๆแล้วลองตะโกนข้ามดอยไปทักทายเพื่อนบ้านฝั่งพม่าดู เพราะว่าเขตแดนระหว่างเราและเขาห่างกันเพียงร่องเขากั้น มองจากฝั่งไทยไปก็ทำให้เห็นสภาพบ้านเมืองของเพื่อนบ้านเเล้ว ถามว่าจะได้ยินกันไหม ไม่ลองก็คงไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมันช่วยปลดปล่อยความเครียดได้ดีชะมัดเลยล่ะ

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

8. สอยดาวสาวดอยมาถ่ายรูป

 

 

       ไปเที่ยวทั้งที เราควรเก็บประสบการณ์ให้ครบรอบด้าน เพราะเสน่ห์ที่แท้จริงของแต่ละสถานที่ไม่ได้มีเพียงแค่ฉากที่ถูกจัดไว้ให้ถ่ายรูปเท่านั้น แต่คือวัฒนธรรมและชีวิตของผู้คนที่แตกต่างกันต่างหาก ลองอาศัยความกล้าสักนิด เดินเข้าไปทักทายสาวดอยดู ชวนเธอคุยได้ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ชีวิตความเป็นอยู่ ไปจนถึงค่านิยมและวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อย แล้วคุณอาจจะได้ความคิด มุมมองหรือทัศนคติใหม่ๆกลับมา พอเธอเผลอก็ขอถ่ายรูปไว้ซะเลย จะได้เก็บไว้อวดเพื่อนได้ ว่าการไปเที่ยวของเรามันได้เรียนรู้อะไรดีๆและให้รสชาติชีวิตได้แค่ไหน

 

สาวน้อยสองนางนี้เป็นนางงามดอยเลยนะ อายุแค่ 16 ปีเท่านั้นเอง

(เริ่ดเว่อร์..ใครบ้างจะเคยเจอนางงามดอยได้ง่ายๆ)

 

ส่วน 3 คนนี้ก็สาว......สาวในอดีต

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

9. จิบชา กินไข่ ที่ไร่สูง

 

 

         ใครชอบดื่มชา ต้องแวะแหล่งผลิตชาขึ้นชื่อของโครงการหลวง นั่นก็คือไร่ชา2000 ดอยอ่างขาง ชมทัศนียภาพไร่ชาขั้นบันไดที่ปลูกลดหลั่นลงไปตามไหล่เขาสูงชัน บริเวณเดียวกันเป็นโรงอบชาที่ทำงานด้วยพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์จากการหมุนของกังหันลมและแผงโซลาเซลล์ซึ่งตั้งอยู่ที่นั่น และหากเดินเหนื่อยแล้วที่นี่ก็ยังมีร้านน้ำชาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่สำคัญอย่าลืมชิมเมนูไข่ชาเขียวเด็ดขาด แม้จะเป็นเพียงไข่ไก่ธรรมดาที่ต้มกับชาเขียว แต่กลิ่นหอมเหมือนอาหารประเภทตุ๋นยาจีนเลยทีเดียว กินไข่ไป ชมวิวไป ไม่ทันรู้ตัวก็หมดไปอย่างน้อยคนละ 2 ฟองแล้ว

 

ร้านน้ำชาที่นี่ไม่มีผนังกั้น มีเพียงหลังคามุงหญ้าง่ายๆ วิวสวยๆ แดดอ่อนๆและอากาศบริสุทธิ์เท่านั้น

 

ไข่ต้มชาเขียว ไข่ธรรมดาที่ต้องโดน

 

 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

10. เที่ยวให้ครบ ไม่จบต้องกลับไป
 

        ข้อสุดท้ายนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ความจริงแล้วดอยอ่างขางยังมีสิ่งที่เราควรทำอีกมาก ชนิดที่พลาดไปแล้วคงน่าเสียดายไม่น้อย ซึ่งเฉพาะแค่ในส่วนของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางนั้น เราเองก็ยังทำได้ไม่ครบและเที่ยวได้ยังไม่ทั่วเลย เนื่องจากเวลาที่มีจำกัด แต่ว่าเราจะกลับไปเยือนอ่างขาง ดินแดนมหัศจรรย์นี้อีกอย่างแน่นอน

กิจกรรมอื่นๆที่ควรทำ

1.ขี่ล่อชมธรรมชาติ
สถานีเกษตรหลวงอ่างขางมีการจัดกลุ่มชาวบ้านนำล่อมาให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ขี่ชมสถานที่บริเวณแปลงต่างๆ ผู้สนใจสามารถติดต่อเช่าขี่ล่อได้ที่สถานีฯอ่างขาง (ใช้เวลา 45 นาที ต่อ 1 รอบ)
2.เดินป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ = เป็นเส้นทางเดินในแปลงปลูกป่าของสถานีฯอ่างขางซึ่งเป็นไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศไต้หวัน นักท่องเที่ยวสนใจเดินในเส้นทางของสถานีฯอ่างขางสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้ข้อมูลได้ (ระยะทางโดยเฉลี่ย 45 นาที – 1.30 ชม.) 
3.ขี่จักรยานชมธรรมชาติ 
นักท่องเที่ยวสามารถนำจักรยานมาปั่นภายในสถานีฯ หรือเช่าจักรยานที่สโมสรอ่างขางปั่นชมจุดต่างๆ ภายในสถานีฯอ่างขาง ช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการเที่ยวชม 
4.ดูนก = ดอยอ่างขางเป็นสถานที่ดูนกที่มีนกหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่จะมีนกอพยพหาดูยากมายังบริเวณสถานีฯอ่างขางรวมถึงพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งชมรม “ ฅนรักษ์นกอ่างขาง ” โดยสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีข้อมูลไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจดูนกที่อ่างขาง 
 

 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 

        น่าเสียดายที่เรามีเวลาเที่ยวชมเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ต้องการจะใช้เวลาพักผ่อนต่อนั้น ที่สถานีฯอ่างขางก็ยังมีบ้านพักไว้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย และก่อนกลับเจ้าหน้าที่ยังได้กระซิบบอกกับเราอีกว่า ในอนาคตทางสถานีฯอ่างขางจะมีการจัดเทศกาล”ฮานามิเมืองไทย” หรือเทศกาลชมดอกไม้แบบประเทศญี่ปุ่นขึ้นอีกด้วย เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอ พวกเราคงต้องสวมวิญญาณโกโบริมานั่งจิบชาชมแม่ดอกซากุระ ท่องแดนมหัศจรรย์อ่างขางกันอีกครั้งแล้วล่ะ เตรียมตัวไว้ได้เลย

 

สิ่งอำนวยความสะดวก : บ้านพัก, ลานกางเต็นท์, หอประชุม, สโมสร, ร้านกาแฟและเบเกอร์รี, ร้านขายของที่ระลึก

ติดต่อ
www.angkhangstation.com
www.facebook.com/angkhangstation
สำนักงานสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
โทร : 053-969-489
สำหรับจองที่พัก หรือสอบถามร้านอาหารสถานีฯ อ่างขาง
โทร : 053-969-476-78 ต่อ 114
ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอ่างขาง
โทร : 053-969-489

การเดินทาง


รถยนต์ส่วนตัว :
จากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฝาง (ทางหลวงหมายเลข 107) เดินทางเรื่อยมาจนถึงอำเภอเชียงดาวบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 79 จะพบทางแยก(หมายเลข 1) ถ้าเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกจะผ่าน ต.เมืองงาย บ้านอรุโณทัย บ้านหลวง เส้นทางจะค่อนข้างแคบแต่จะไม่ค่อยลาดชันเท่าใดนัก (ควรเดินทางช่วงกลางวันเพื่อป้องกันกรณีฉุกเฉินแล้วไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ เพราะเส้นทางนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์)
หากยังไม่เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกหมายเลข 1 ให้ขับรถจนถึงหลักกิโลเมตรที่ 137 จะถึงเส้นทางหมายเลข 2 ตามที่แสดงในแผนที่ เมื่อมาถึงปากทางขึ้นดอยอ่างขางจะมีป้ายบอกด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายแล้วขับรถตามถนนขึ้นมาเลย ทางเส้นนี้จะค่อนข้างลาดชันมาก จึงมีบริการเช่าเหมารถคิวสองแถวหน้าปากทางให้ขึ้นมาส่งได้ แต่หากจะนำรถขึ้นมาเองก็ควรขับด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ

รถโดยสารประจำทาง :
ในกรณีที่เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ให้ขึ้นรถสาย เชียงใหม่-ฝางที่คิวรถช้างเผือกในตัวเมืองเชียงใหม่ มีทั้งรถตู้และรถบัสคันใหญ่ และมาลงที่หน้าวัดหาญสำราญ(ตรงหลักกิโลเมตรที่ 137) จะมีบริการรับ-ส่ง คิวรถสองแถว ซึ่งสามารถเหมารถต่อเพื่อขึ้นมาถึงดอยอ่างขางได้

ติดต่อรถคิวปากทางขึ้นดอยอ่างขาง : 053-884848 / 086-1947484 คุณส้ม

 

อาบน้ำแร่ 9 แช่ออนเซ็นเชียงใหม่

$
0
0

 



 

        หลังจากผ่านปีใหม่ที่อากาศอบอุ่นมา เชียงใหม่ก็เพิ่งจะกลับมารู้ตัวอีกครั้งว่ากำลังอยู่ในหน้าหนาว อากาศที่เย็นลงแบบนี้ การได้อาบน้ำอุ่นคือสวรรค์ที่รออยู่ปลายทาง แต่จะให้ยืนแช่ใต้ฝักบัว มันก็ดูธรรมดาเกินไป๊สำหรับ Review Chiang Mai คนแปลก เอ้ย! มีไลฟ์สไตล์อย่างเราต้องไปลงแหวกว่ายในน้ำที่ผ่านจุดเดือดใต้พื้นพิภพมาเท่านั้น ซึ่งจะเป็นที่ไหนไม่ได้ถ้าไม่ใช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติหรือออนเซ็นนั่นเอง แต่เชียงใหม่มีด้วยเหรอ? มีซี่~~ ไปดูกัน


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 

1. น้ำพุร้อนฝาง - อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนบนยอดดอย

 

บ้านที่เรียงรายเหล่านี้คือบ่อแช่น้ำพุร้อนแบบส่วนตัว
(ภาพจากTwitter @Jirawarun)

 

พิกัด : อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก (บ้านโป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่)

โทรศัพท์ : 053-453-517

Facebook :อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก

 

บ่อน้ำพุร้อนฝางตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีบ่อน้ำพุร้อนมากกว่า 50 บ่อ โดยตั้งกระจัดกระจายภายในบริเวณพื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่า 10 ไร่ ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติฯได้ทำทางเดินด้วยแนวหินไว้อย่างสวยงาม ส่วนบ่อออนเซ็นของที่นี่นั้นขึ้นชื่อว่าวิวสวยสุดๆ เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของดอยผ้าห่มปก มีทั้งห้องอาบน้ำแร่ ห้องอบไอน้ำและห้องแช่บ่อน้ำร้อนแบบส่วนตัว โดยอุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 40-50 องศา ซึ่งเชื่อว่าเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการแช่ออนเซ็น
 

นุ่งลมห่มฟ้า แช่น้ำ ชมวิวกันเลย (ภาพจากเฟซบุ๊ก Pongtanit Sukprasert)


ค่าบริการอาบน้ำแร่ :ผู้ใหญ่ 20 บาท / เด็ก 10 บาท
ค่าบริการอบไอน้ำ : ผู้ใหญ่ 30 บาท / เด็ก 10 บาท
ค่าบริการห้องแช่น้ำแร่ :ห้องรวมคนละ 50 บาท (ใช้บริการ 2 คนขึ้นไปต่อห้อง) / ห้องละ 100 บาท (ใช้บริการได้ 1 คน) / ราคาเหมาห้องละ 150 บาท (ใช้บริการได้ 3-5 คน)


สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ :ลานกางเต็นท์ บ้านพัก ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ จักรยานเช่า ผ้าเช็ดตัว-ผ้าถุง-กางเกงให้เช่า

กิจกรรมอื่นๆ :ต้มไข่ นวดแผนไทย เดินป่าศึกษาธรรมชาติ แช่เท้าในธารน้ำแร่ เที่ยวห้วยแม่ใจ(ห่างไป 100 เมตร)


การเดินทาง
รถส่วนตัว :จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหลวงแผ่นดินหมายเลข 107 สู่อำเภอฝางเมื่อมาถึงอำเภอฝางแล้วให้ขับไปตามถนนฝาง-ม่อนปิ่น ประมาณ 3 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนรพช. 4054 สู่บ้านโป่งน้ำร้อนอีกประมาณ 8 กิโลเมตรก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อนฝาง
รถประจำทาง :รถประจำทางมีรถประจำทางปรับอากาศของบริษัทขนส่งจำกัด และบริษัทรถร่วมเอกชนระหว่างกรุงเทพ-ฝาง , เชียงใหม่-ฝางเมื่อถึงอำเภอฝางจะมีรถรับจ้างคอยบริการรับส่งสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกอีกประมาณ 10 กิโลเมตร

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 

2. น้ำพุร้อนโป่งกวาว - สุขนิยมกลางป่าลึก



 

พิกัด :ตำบลสะเมิงเหนือ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ :คุณเกษมกฤษ 001-005-9911 / คุณหน่อย 086-012-3771

Facebook :น้ำพุร้อนโป่งกวาว รีสอร์ทแอนด์สปา
 

น้ำพุร้อนอีกแห่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นออนเซ็นแห่งเชียงใหม่ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาลึกและป่าทึบ มีลำธารสายเล็กๆไหลผ่าน ห่างไกลผู้คนและเป็นธรรมชาติมากๆ โดยบริเวณน้ำพุร้อนจะมีบ่อแช่แบบต่างๆให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นบ่อสำหรับแช่เป็นหมู่คณะทั้งในร่มและกลางแจ้ง (บ่อหนึ่งน่าจะลงได้ประมาณ 10 คน) หรือบ่อเล็กในห้องแช่แบบส่วนตัวด้วยสำหรับกลุ่ม 2-3 คน แบ่งเป็นโซนๆตามชื่อเรียก อาทิ เรือนรัชนีอบประคบสมุนไพร เรือนแสนอาบน้ำแร่ เรือนกรแก้วนวดแผนไทย เรือนประชาตักอาบ เป็นต้น 
 


เห็นขุนเขาในสายหมอก



โอบล้อมด้วยป่า



บ่อในร่ม
บรรยากาศคล้ายโรงอาบน้ำของญี่ปุ่น



ห้องเล็กสำหรับแช่แบบส่วนตัว


บ่อนี้ลงแช่ได้ประมาณ 10 คน
 


ค่าบริการ :ผู้ใหญ่ 80 บาท / เด็ก 40 บาท / ฟรีสำหรับผู้เช่าบ้านพักและลานกางเต็นท์ 

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ :ลานกางเต็นท์ บ้านพัก

กิจกรรมอื่นๆ : นวดแผนไทย เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ดูนกแปลกๆหายาก

การเดินทาง
รถส่วนตัว :ใช้เส้นทางถนนหมายเลข1096 วิ่งไปประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรจะเจอแยกขวามือ มีป้ายบอกทางไปโครงการหลวงหนองหอยหรือม่อนแจ่ม เป็นทางลาดยางอย่างดีขึ้นเขาชัน 5 กม.ถึงม่อนแจ่ม ผ่านบ้านแม่ปะ, วัดต้นลาน, อ.บ.ต.สะเมิงเหนือ, วัดโป่งกวาวแล้วจึงถึงบ่อน้ำพุร้อน

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

3. น้ำพุร้อนเทพพนม - สวยบริสุทธิ์ควันคุกรุ่น

 

 

พิกัด :หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติออบหลวงที่ 4 ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ : 081-992-9864 / 081-602-1290

Facebook :อุทยานแห่งชาติออบหลวง

เอกลักษณ์ของบ่อน้ำพุร้อนที่นี่คือภายในบ่อน้ำร้อนจะมีแรงดันพุ่งขึ้นมากระทบน้ำเย็นใต้ดินเกิดเป็นไอร้อนคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ดูสวยงามเหมือนอยู่ในอีกห้วงมิติ ส่วนออนเซ็นที่แนะนำให้ลงไปแช่ตัว คือบ่อกลางแจ้งที่เกิดตามธรรมชาติ จะรู้สึกเหมือนได้เล่นน้ำอุ่นๆในห้วยขนาดใหญ่ แต่ใครรู้สึกไม่สะดวกจะแวะไปใช้บริการที่ห้องส่วนตัวก็ได้ ที่นี่คนยังไม่หนาแน่นมากนัก จึงขึ้นชื่อเรื่องความสะอาด

 

โผล่นี่เฉย :)

Posted by Wanatsanan Watnon on Saturday, January 2, 2016

บ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่กว้างราวกับทะเลสาบ

 

ความสุขกลางทุ่งกว้าง

 

ลงแช่กันได้อย่างอิสระ

 

ค่าบริการ :ผู้ใหญ่ 50 บาท / เด็ก 20 บาท

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ :ลานกางเต็นท์ บ้านพัก

กิจกรรมอื่นๆ :นวดแผนไทย

การเดินทาง

รถส่วนตัว :ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) ขับรถเลยจากอุทยานแห่งชาติออบหลวง ทางแยกไปอำเภอแม่แจ่มเลี้ยวขวาเข้ามาอีก 14 กิโลเมตรถึงน้ำพุร้อนเทพพนม

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

4. น้ำพุร้อนสันกำแพง - อุ่นใกล้ตัว ทั่วถึงคนทุกวัย

 

 

チェンマイの温泉

A photo posted by namaiki (@khanitha_ying) on

 

พิกัด :เขตตำบลบ้านสหกรณ์ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ : 053-929-077 / 053-037-101 / 081-603-5501

Facebook :น้ำพุร้อนสันกำแพง

 

นอกจากไปต้มไข่แล้วอย่าลืมว่าที่น้ำพุร้อนสันกำแพงนี้ก็มีออนเซ็นใกล้ตัวเหมือนกัน ทั้งบ่อน้ำแร่สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงห้องอาบน้ำแร่ด้วย และถ้าใครไม่สะดวกจะลงแช่ ก็เพียงแค่นั่งจุ่มเท้าตามธารน้ำที่ไหลผ่านตลอดเส้นทางเดินก็ได้

 

 

DAY 3 | ออนเซนมั้ยจ้ะ

A photo posted by Natsamon T. (@seafahhd) on

ออนเซ็นไหมจ้ะ

 

 

DAY 3 | น่าร้าก

A photo posted by Natsamon T. (@seafahhd) on

เด็กๆก็สนุกได้

 

ค่าบริการ :คนละ 40 บาท

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ : ลานกางเต็นท์ บ้านพัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก

กิจกรรมอื่นๆ :นวดแผนไทย


การเดินทาง
รถส่วนตัว :
ใช้เส้นทาง 2 เส้นทางคือ

1.เส้นทางเชียงใหม่-สันกำแพง-หมู่บ้านออนหลวย-น้ำพุร้อน มีป้ายบอกชัดเจนตลอดเส้นทาง

2.เส้นทางเชียงใหม่-สันกำแพง- สถานีเพาะพันธุ์กล้าไม้สัก-น้ำพุร้อน (เส้นทางนี้จะผ่านถ้ำเมืองคอน ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำพุร้อน 4 กิโลเมตร)

รถประจำทาง :ขึ้นรถจากสถานีขนส่งช้างเผือกหรือคิวรถกาดหลวงไปยังสันกำแพงและเช่าเหมารถสองแถวจากสันกำแพง ไปน้ำพุร้อนราคาประมาณ 200 บาทต่อคัน นอกจากนี้ยัง มีรถบริการของน้ำพุร้อนซึ่ง ออกจาก ททท. เชียงใหม่ เวลา 10.00 น. และกลับจากน้ำพุร้อนเวลา13.00 น. ทุกวัน ในราคา 80 บาทต่อคน

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

5. น้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ - ​Unseen Thailand ไม่ไปไม่รู้

 

 

A photo posted by @o_oct on

 

พิกัด :เขตตำบลบ้านสหกรณ์ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ : 053-315-209 / 053-248-491

Facebook : อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่และจ.แม่ฮ่องสอน

 

หนึ่งเดียวนี้ที่ติดโผ Unseen Thailand โดยอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จุดเด่นที่สำคัญเป็นน้ำพุร้อนขนาดใหญ่แบบไกเซอร์(Geyser)ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย คือ ลักษณะของน้ำจะพุ่งขึ้นจากระดับผิวดินเป็นครั้งคราวอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา และการไปถึงจุดแช่ตัวหรือออนเซ็นนั้น ต้องเดินผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติประมาณ 500 เมตร ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ นกหายากและแมลงสีสันแปลกตา 

 

 

A photo posted by nath_befamous (@nath_befamous) on

หล่อล่ำดั่งทศกัณฑ์
 

 

สิ่งเหล่านี้

A photo posted by JUBJANG jj (@jubjangwow) on

เฟี้ยวฟ้าวในสระน้ำแร่
 

 

A photo posted by hexestar* (@wannabehexe) on

มีมุมกางเต็นท์ด้วย

 

ค่าบริการ :ผู้ใหญ่ 50 บาท / เด็ก 20 บาท

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ :ลานกางเต็นท์ บ้านพัก ร้านอาหาร อาคารบริการนักท่องเที่ยว ผ้าเช็ดตัว-ผ้าถุง-กางเกงขาสั้น-ผ้าขาวม้าให้เช่า

กิจกรรมอื่นๆ :เดินป่าศึกษาธรรมชาติ

การเดินทาง

รถส่วนตัว :เดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 จนถึงสามแยก เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1095 (แม่มาลัย-ปาย) จนถึงหลักกิโลเมตร 42 บริเวณบ้านแม่แสะ จะมีทางเลี้ยวขวาเข้าไปยังน้ำพุร้องโป่งเดือดป่าแป๋ ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร

รถประจำทาง :จากเชียงใหม่ต่อรถที่ขนส่งอาเขตเชียงใหม่สายเชียงใหม่ - ปาย (มีทั้งรถบัสและรถตู้) บอกคนขับจอดส่งที่ห้วยน้ำดังจากนั้นก็ต้องรอโบกรถเพื่อขึ้นไปที่ห้วยน้ำดัง

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

6. น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด(โป่งกุ่ม) - ออนเซ็นวิถีคนเมือง


ภาพจากFacebook ดอยสะเก็ด เพชรล้านนา
 

พิกัด : บ้านแม่โป่ง ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : เทศบาลตำบลป่าเมี่ยง 053-389-164 / ผู้ใหญ่บ้าน(ประพาส) 085-0916943

กลายเป็นสีสันแห่งการแช่ออนเซ็นซึ่งหาที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่ เมื่อเทศบาลตำบลป่าเมี่ยงได้ปรับภูมิทัศน์บริเวณน้ำพุร้อนให้กลายเป็นจุดที่ชาวบ้านจะนำขันมาตักน้ำอาบ ท่ามกลางบรรยากาศแบบชนบทและอากาศที่หนาวเย็นนี้ ถ้าคุณอยากจะมาลองสัมผัสออนเซ็นแบบวิถีคนเมืองและอาบน้ำแร่ร่วมกับชาวบ้านก็เชิญเวลา  6.00 น. และ 15.00 น.

 

 

A photo posted by kantalas (@kantalas) on

ห้องแช่ส่วนตัว พร้อมขันน้ำคู่ใจ
 

 

A photo posted by Boom Suraboom (@boomsuracha) on

เดือดปุดๆแบบนี้ เค้าไว้แช่ไข่
 

 

A photo posted by Pongsakorn Thongolarn (@anxietie) on

จักรยานก็ปั่นถึง ถ้าขาพี่แข็งพอ

 

ค่าบริการ :ฟรี

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ :ร้านค้า ร้านกาแฟ

กิจกรรมอื่นๆ :เดินป่าศึกษาธรรมชาติ

การเดินทาง
รถส่วนตัว :
ใช้เส้นทางเชียงใหม่-แม่ขะจาน-เชียงราย โดยออกจากอำเภอดอยสะเก็ด จะพบกับศูนย์พัฒนาห้วยฮ่องไคร้ก่อน เเละอีกประมาณ 200 เมตรก็จะพบกับด่านตรวจ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบน้ำพุร้อนอยู่ด้านซ้ายมือ โดยมีป้ายบอกไปตลอดเส้นทาง

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

​7. น้ำพุร้อนโป่งอ่าง - เล็กร้อนไว้แวะพัก


พิกัด : บ้านแม่โป่ง ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ : 053046370

Facebook :อุทยานแห่งชาติผาแดง

เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เล็กที่สุด มีจำนวนเพียง 2 บ่อ เหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางผ่านมาท่องเที่ยวบริเวณนี้แล้วเหนื่อยล้าจากการเดินทางจึงแวะพัก เพราะมีลานกางเต็นท์ไว้บริการ ซึ่งนอกจากบ่อกลางแจ้งแล้ว ก็ยังมีห้องอาบและแช่น้ำแร่แบบส่วนตัวไว้บริการเช่นกัน

 
 

A photo posted by yim_tannisha (@yim_tannisha) on

ม่วนแต๊ม่วนว่า


ค่าบริการ :ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ :ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำแร่ ห้องแช่น้ำแร่

กิจกรรมอื่นๆ :เที่ยวอุทยานแห่งชาติเชียงดาว ถ้ำเชียงดาว น้ำตกศรีสังวาลย์ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว ถ้ำหนองวัวแดง ถ้ำป่าหก

การเดินทาง
รถส่วนตัว :
จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงกิโลเมตรที่ 79 เข้าทางแยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1178 ประมาณ 22 กิโลเมตร ถึงบ้านโล๊ะป่าหาญ เลี้ยวซ้ายไปอีก 1 กิโลเมตร จะถึงบ่อน้ำร้อนโป่งอางอยู่ทางด้านซ้ายมือ

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


​8. น้ำพุร้อนไชยปราการ(จีนยูนาน) - ตำรับผิวขาวของสาวๆทั้งอำเภอ


 

พิกัด :บ้านป่าแดง ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ : ผู้ใหญ่บ้าน(วิญญู) 089-850-2868

อยากผิวขาวสวยสุขภาพดีแบบสาวๆอำเภอไชยปราการ ต้องลองมาดูเคล็ดลับของพวกเธอ เพราะที่นี่นอกจากจะอากาศดีแล้ว ยังมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติให้ลงแช่เป็นออนเซ็นได้ได้ตลอดทั้งปี โดยมีจำนวนน้ำพุร้อน 2 บ่อ ก่อปูนบริเวณปากบ่อเพื่อความสะดวก ขนาดกว้างประมาณ 15x30 เมตร รวมถึงห้องอาบน้ำด้วย ยังไงก็ตามปกตินักท่องเที่ยวมักเลยไปน้ำพุร้อนฝางซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่า ที่นี่จึงเหมือนเป็นสถานที่ผ่อนคลายสำหรับชาวบ้านนั่นเอง



เด็กชาวบ้านเล่นน้ำสนุกสนาน

 

ค่าบริการ :ฟรี

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ : ห้องน้ำ ร้านค้าและร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง

กิจกรรมอื่นๆ :เที่ยววัดถ้ำผาผึ้งและอนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช 

การเดินทาง
รถส่วนตัว :
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางสาย 107 จนถึงอำเภอไชยปราการ ขับรถมุ่งสู่ตำบลหนองบัว บ้านป่าแดง

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

​9. น้ำพุร้อนหนองครก - พกแค่ใจตังค์ไม่ต้อง
 

 

A photo posted by Line:nannieoae (@nannie_oae) on


พิกัด :บ้านหนองครก ตำบลสันทราย อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ :องค์การบริหารส่วนตำบลสันทราย 053-123-039

มาถึงบ่อแช่ออนเซ็นบ่ออุ่นๆบ่อสุดท้ายที่ไม่ท้ายสุดอย่างน้ำพุร้อนหนองครก เป็นอีก 1 ในทางเลือกสำหรับคนที่เดินทางไปบริเวณใกล้เคียงแล้วอยากหาที่ผ่อนคลายความเมื่อยล้าก่อนเที่ยวต่อ ซึ่งมีบ่อน้ำพุร้อนให้เที่ยวชมมากถึง 5 บ่อ และที่สำคัญคือมีห้องอาบและแช่ออนเซ็นให้ด้วย

 

มาๆ ตามกันมา#ประเดิม7โมงตรงจร้าาาาPalida Chatthongปูเป้ ยัยจอมจุ้นPaeng Dek Np

Posted by Hava Hawaiian on Friday, December 18, 2015

 

หมอกหนาวและไอร้อน
 

ค่าบริการ : ฟรี

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ : ห้องน้ำ ร้านค้าและร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง

กิจกรรมอื่นๆ :เที่ยวน้ำตกบัวตอง น้ำพุเจ็ดสี วัดดอยแม่ปั๋ง โครงการหลวงห้วยลึก  ศูนย์ฝึกช้างเชียงดาว 

การเดินทาง
รถส่วนตัว :
ใช้เส้นทางเชียงใหม่ - พร้าว ขับไปจนผ่านอำเภอพร้าวและมุ่งหน้าสู่ตำบลสันทราย จะมีป้ายบอกทางไปน้ำพุร้อนหนองครก

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


จบไปแล้วกับบ่อน้ำพุร้อนทั้ง 9 ที่รอให้พวกเราไปเช็คอินและอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนในออนเซ็น บางที่ก็ฮอตฮิตติดลมบน บางที่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากหรือเป็นเพียงสถานที่เล็กๆเท่านั้น เจ๋งเองก็ยังไปไม่ครบทุกทีหรอก แต่ที่แน่ๆทุกที่มีน้ำแร่ที่เราได้ลงแช่เมื่อใด เป็นต้องคลายเมื่อยล้า ได้บำรุงผิวพรรณ ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตและได้คลายเครียดแน่นอน และข่าวดีสุดๆก็คือ ปีหน้าเชียงใหม่เราจะมีออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีก 1 ที่ โดยนำหัวน้ำแร่มาจากญี่ปุ่นเลยทีเดียวล่ะ เตรียมเช็คอินกันได้ที่ Onsen Tengoku แม่ออนใต้นะ ~ ไฮโซสุดๆ

 


 


ท่านใดมีสถานที่แช่ออนเซ็นในเชียงใหม่เจ๋งๆ แนะนำเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

Tags 

ออนเซ็น, น้ำพุร้อน, อาบน้ำแร่, ออนเซ็นเชียงใหม่, น้ำพุร้อนฝาง, น้ำพุร้อนอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก, แช่บ่อน้ำร้อน, น้ำพุร้อนโป่งกวาว, ฝาง, สะเมิง, นวดแผนไทย, บ่อแช่น้ำพุร้อน, น้ำพุร้อนเทพพนม, อุทยานแห่งชาติออบหลวง, น้ำพุร้อนสันกำแพง, น้ำแร่, น้ำพุร้องโป่งเดือด, โป่งเดือด, โป่งเดือดป่าแป๋, unseen thailand, ห้วยน้ำดัง, น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด, โป่งกุ่ม, น้ำพุร้อนโป่งอ่าง, โป่งอ่าง, อุทยานแห่งชาติผาแดง, น้ำพุร้อนไชยปราการ, ไชยปราการ, ดอยสะเก็ด, จีนยูนาน, น้ำพุร้อนหนองครก, สันทราย, พร้าว, เชียงใหม่, Tengoku, tengoku onsen, วัดถ้ำผาผึ้ง, อนุสารวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช, อุทยานแห่งชาติเชียงดาว, ถ้ำเชียงดาว, น้ำตกศรีสังวาลย์, ถ้ำหนองวัวแดง, ห้องอาบน้ำแร่, ห้องแช่น้ำแร่, ป่าเมี่ยง, บ้านแม่โป่ง, เดินป่า, นกหายาก, แม่ออน, ม่อนแจ่ม

คืนเดียวก็เฟี้ยวได้ 5 จุดลุยดะปะทะลมหนาวที่ดอยม่อนเงาะ

$
0
0
 
         พูดถึงการพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนต่างท้องที่อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับคนเชียงใหม่นั้นถือว่าเป็นเรื่องง่ายมากๆ เพราะใช้เวลาแค่ 1-2 ชั่วโมงก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวให้เหมือนอยู่ในอีกโลก เนื่องจากสภาพแวดล้อมในเชียงใหม่นั้นเต็มไปด้วยเมืองที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ วันนี้เจ๋งจึงอาสาพาขับรถตะลุยขึ้นสายเหนือผ่านอำเภอแม่แตง ขึ้นไปนอนนับดาวบนดอยม่อนเงาะ ดอยที่ขึ้นชื่อว่าทะเลหมอกสวยติดอันดับต้นๆของเชียงใหม่กันเลยทีเดียว มีที่ไหนน่าสนใจ ตามเจ๋งมาเลย!!
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
1. โครงการหลวงม่อนเงาะ - ภูชี้ฟ้า เชียงใหม่
 
 
พิกัด : ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ บ้านม่อนเงาะ  ตำบลเมืองก๋าย อำเภอแม่แตง
โทร : 053-318-308
 
หลังจากที่เดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่มากว่า  67 กิโลเมตร ในระยะเวลากว่า  2 ชั่วโมง ก็ถึงยอดดอย สภาพถนนมีทั้งลาดยางและลูกรังแต่รถยนต์สามารถขึ้นไปได้โดยเฉพาะรถปิ๊กอัพขับเคลื่อนสี่ล้อ เนื่องจากทางค่อนข้างแคบและชันบางช่วง ส่วนสภาพป่าที่นี่ยังคงอุดมสมบูรณ์จึงทำให้อากาศค่อนข้างเย็นถึงเย็นมาก
 
 
ภาพบรรยากาศสวยๆระหว่างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจีสดชื่นสบายตา ส่วนเส้นทางนั้นมีป้ายบอกตลอดทางแต่ค่อนข้างเล็กมากต้องสังเกตให้ดี
 
ระหว่างทางขึ้นดอยมีสวนสตรอเบอร์รี่อยู่ริมทาง สามารถแวะเวียนไปได้
 
 
การเข้าพักที่นี่มีให้บริการทั้งลานกางเต้นท์และบ้านพัก ในส่วนของลานกางเต้นท์ จะมีค่าเข้าและบริการลานกางเต้นท์ ท่านละ 50 บาท บริการห้องน้ำทั้งชายและหญิง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณจะได้สัมผัสกับอากาศหนาวเย็นตลอดค่ำคืนท่ามกลางดวงดาวล้านดวงที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า และตื่นเช้ามาท่ามกลางทะเลหมอกที่ลอยละล่องอยู่ตรงหน้า เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์สุดฟินที่ตามหาได้ที่นี่เวลานี้
 
 
แต่ถ้าหากได้อยากได้ฟิลสบายๆ แนะนำให้นอนบ้านพักด้านล่าง มีบริการบ้านพักทั้งหมด 5 หลัง ราคาหลังละ 800 บาท เตียงเดี่ยวนอนได้ 2 ท่าน มีที่นอนเสริม นอนได้เต็มที่ 4 ท่านต่อ 1 หลัง สำรองจองที่พักล่วงหน้าได้ที่ 081- 0251002 และหากไม่ได้เตรียมอาหารมาบ้านพักมีบริการเมนูอาหารง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก ผัดผัก  ไข่เจียว ข้าวต้ม กาแฟ โอวัลติน ฯลฯ แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนว่าจะทานมื้อไหนบ้าง ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวมีหลากหลายนอกจากจุดชมวิวทะเลหมอก ยังมีแปลงกล้วยไม้ซิบบิเดียม แปลงผักปลอดสารพิษและไร่ชาลุงเดช หากไปเยือนทุกที่จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณครึ่งวันก็เสร็จสิ้นภารกิจ ใครที่อยากลองก็วางแผนเดินทางกันได้เลย
 
มาถึงแล้วจุดชมวิวยอดดอยม่อนเงาะ สวยงามไปด้วยภูเขาหลายสิบลูกไกลสุดลูกหูลูกตา 
 
ตื่นเช้ามาสัมผัสทะเลหมอกเย็นๆท่ามกลางวิวสวยๆ นี่แหล่ะคือเสน่ห์ของม่อนเงาะ
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
2. ม่อนระมิงค์ - จุดพักพิงของนักเดินทาง
 
 

A photo posted by Noomay Cm (@noome.c) on

 
พิกัด : ถนนเชียงใหม่ - แม่แตง ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง 
โทร : 089-9563674
 
ระหว่างทางจากตัวเมืองไปม่อนเงาะจะมีจุดพักรถ จุดพบรัก เอ้ย! ให้ได้แวะกัน ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนประตูสู่อำเภอแม่แตง และเป็นจุดพักผ่อนที่ครบครันทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของฝากจากไร่ชาระมิงค์  ห้องน้ำ เซเว่นอีเลฟเว่น สระว่ายน้ำ ห้องประชุมสัมมนาและห้องจัดเลี้ยงให้บริการอย่างครบครัน 
วิวสวยๆของท้องทุ่งนาเมื่อมองจากร้านกาแฟ
 
สำหรับผู้ที่หลงใหลในรสชาติของชาและกาแฟ แนะนำ "ม่อนคาเฟ่"ให้บริการชา กาแฟออร์แกนิคและอาหารยุโรป สลัด แซนด์วิช สปาเก็ตตี้ และเมนูเพื่อสุขภาพท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของท้องทุ่งนาไกลสุดลูกหูลูกตา  
 
 

พักบ้าง..ไรบ้างนะ..

A photo posted by Nittaya Surin (@kuandaw) on

 
แวะจิบกาแฟกันสักแก้วเพื่อเพิ่มความสุขให้กับชีวิต
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
3. ตลาดแม่มาลัย - เอาใจคนชอบช้อป 
 
 

8.45 น.

A photo posted by Bam Nudnara (@bam_wn) on

 
พิกัด : ถนนแม่แตง - ปาย อ.แม่แตง
 
หากต้องการเสบียงอาหารแนะนำ ตลาดแม่มาลัย เป็นตลาดของสดของฝากที่ใหญ่อันดับต้นๆของแม่แตงแต่จะต้องขับรถผ่านทางแยกม่อนเงาะไปนิด มีจำหน่ายสารพัดเมนูไม่ว่าจะเป็นผักสด เนื้อหมู ของป่าหายาก อาหารเหนือ ผลไม้ตามฤดูกาล รวมถึงของฝากขึ้นชื่ออย่างน้ำพริกหนุ่ม แคบหมูไม่ว่าจะเป็นไร้มันหรือมีมัน ที่นี่มีให้บริการแบบจัดเต็มในราคาย่อมเยาว์ 
 
 

แคบหมู แมลงทอดค่ะ

A photo posted by สุมาลี ศรีจันต๊ะ (@sumaleemaeg) on

แคบหมู แมลงทอด เมนูของฝากที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกาดนี้
 
 

กินๆ

A photo posted by Fo'Fonny ThesSwage (@minz.f) on

น้ำพริกผักลวก เมนูพื้นบ้านๆในราคาย่อมเยาว์​
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
4. Steak of the day - ร้านสเต็กสุดเท่ขวัญใจเชียงใหม่
 
 

Lamb of the day #nofilter

A photo posted by BANK (@paddhiphong) on

 
พิกัด :แม่ริมพลาซ่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 50180
เวลาเปิดปิด : 11:00 - 20:00 น. หยุดวันอาทิตย์
โทร: 081-2567292
Facebook :  Steak of the day 
 
จะก่อนขึ้นดอยหรือหลังลงดอย หากหิวแนะนำ "Steak of the day"ร้านสเต็กที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆในเรื่องความฉมังในรสมือของเชฟย่านแม่ริม ที่ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กแต่การันตีฝีมือจากเชฟเรวัติ อดีตเชฟโรงแรม Four Seasons ที่ผันตัวเองมาเปิดธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มตัวในแม่ริมพลาซ่า เมนูมีหลากหลายและไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน มีทั้งสเต็กและอาหารยุโรปที่ทำจากวัตถุดิบชั้นดีในราคาที่เข้าถึงได้ เมนูแนะนำ ซีซาร์สลัด, Spaghetti bacon, garlic Chilli, Tomato, mozzarella cheese mango and coppa ham, Australian Black Angus Rib Eye ฯลฯ 
 
 
Tomato, mozzarella cheese mango and coppa ham เมนูแนะนำของร้าน
 
 

Before the mad rush.

A photo posted by Nalina S. Dessers (@dailydelight) on

บรรยากาศในร้านเน้นตกแต่งสไตล์โมเดิร์นดูสวยงาม
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
5. ข้าวมันไก่โกเฮง - ข้ารักไก่เอ็งจังเลย  
 
 

ปีใหม่ร้านปิดกันเยอะ ยังดีที่หาข้าวกลางวันกินได้ #ข้าวมันไก่

A photo posted by นิพนธ์ สุวรรณรังษี (@djlookmoo) on

 
พิกัด : ถนนโชตนาผ่านศาลากลางเชียงใหม่ไปประมาณ 200 เมตรอยู่ขวามือ
เวลาเปิด-ปิด : 06.30-14.00 น. 
โทร : 053-890173
 
อีกหนึ่งร้านอร่อยประจำเส้นนี้ที่ไม่ควรพลาดคือ “ข้าวมันไก่โกเฮง” ร้านข้าวมันไก่เจ้าดังที่ยังคงความอร่อยมานานกว่า 20 ปี เป็นสูตรไหหลำที่มีจุดเด่นอยู่ที่ข้าวมันนุ่มเรียงเม็ดไม่แฉะ ไก่เนื้อแน่นไม่แหลก เสริ์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มเต้าเจี๊ยวเข้มข้นและน้ำซุปรสกลมกล่อม จนต้องขออีกจาน เมนูแนะนำ ข้าวมันไก่เนื้อแน่นและหมูสะเต๊ะ นอกจากนี้ยังมีก๋วยเตี๋ยวเป็ดและเกาเหลาเป็ด ส่วน เครื่องดื่มมีทั้งชา กาแฟและน้ำผลไม้ ในราคาเริ่มต้นจานละ 30-35 บาทเท่านั้น
 
 

Happy Lunch#Pork Satay#

A photo posted by @rattanamongkol_mook on

 
หมูสะเต๊ะ เมนูคู่บุญข้าวมันไก่ที่แนะนำให้ลอง
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
ท่านใดมีสถานที่ท่องเที่ยวเส้นแม่แตงเจ๋งๆ แนะนำเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

 

 

มูลเมืองซอย 7 หลากหลายร้านเด็ด เสร็จตั้งแต่ต้นซอย

$
0
0
 
        อย่าเพิ่งงง จนเกาหัวแก๊รกๆ ว่า“มูลเมือง ซอย 7” ซอยเล็กๆ ขนาดกะทัดรัด ระยะทางรวมไม่เกิน 500 เมตร จะมีครบแบบที่จั่วหัวไปรึเปล่า แต่เราอยากจะนำเสนอซอยนี้ ให้คุณได้รู้จักกันซักที ถึงแม้ขนาดจะสั้นจนเดินให้ครบได้ภายใน 3 นาที แต่ซอยเล็กๆ ซอยนี้แหละ ที่เป็นแหล่งรวบรวมร้านอาหารอร่อยๆ เกสเฮ้าส์เท่ๆ ภาพกราฟฟิตี้เจ๋งๆ และที่เที่ยวเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่ อย่างวัดล่ามช้างไว้ครบ แบบจบในซอยเดียวเลย ครั้งแรกที่เจ๋งขี่มอเตอร์ไซค์แว๊นผ่านซอยนี้ ทำให้คิดถึงซอกซอยเล็กๆ ของเมืองหลวงประบางในลาวแบบไม่มีผิด เพราะมีครบทุกความต้องการ เดินเล่นในซอยก็ชิลล์ ถ้าเดินต่อมาอีกนิดก็เจอแม่น้ำซอง (ซึ่งในที่นี้ก็คือคูเมืองนั่นแหละครับ) มีแบ็คแพ็คเกอร์เดินกันเกลื่อนซอย มีร้านอาหารและห้องพักซ่อนอยู่แทบจะทุกตึก มันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นะ ยังไม่เชื่อใช่มั้ยล่ะ ไม่รอช้าแล้วครับ โบกพี่รถแดง แล้วมาลงที่ซอยนี้โดยพลันเลย จะใช้ชีวิตอยู่ทั้งวัน หรือจะฝากชีวิตไว้ทั้งเดือน ซอยนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน 
 
ขอบคุณภาพจากคุณ Sakchai Dettrairat
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
"กินอิ่ม"
1. โกฮังยะ – อาหารญี่ปุ่น ราคาคนเมือง 
 
 
พิกัด :ถนนมูลเมืองซอย 7 (เข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร ร้านอยู่ด้านซ้ายมือ)
เวลาเปิด-ปิด : 11.00 – 22.00 น. 
เบอร์โทร : 083-9454518
Facebook :Gohanya  
 
ร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพ แต่ราคาคนเมืองสุดๆ ราเม็งร้อนๆ เริ่มต้นเพียงแค่ถ้วยละ 50 บาทเท่านั้น!! เห็นราคาแบบนี้อย่าเพิ่งสบประมาทว่ารสชาติจะอ่อนด้อยตามราคาไปด้วยนะ เพราะพี่ธนัต หนุ่มเจ้าของร้านผู้มีดีกรีเป็นถึงไกด์ภาษาญี่ปุ่น ร่วมหุ้นกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นจริงๆ เปิดเป็นร้านนี้ เพราะฉะนั้นสูตร และเมนูอาหารจึงครบเครื่อง และมีกรรมวิธีตามแบบฉบับแดนปลาดิบจริงๆ ใครมาที่นี่ถ้าอยากอิ่มพอดีๆ แนะนำให้สั่งเป็นเซ็ทครับ มีทั้งเซ็ทข้าวหมูย่างซีอิ้ว เซ็ทปลาซาบะ ที่มากันครึ่งตัวเต็มๆ หรือปลาหมึกย่างซีอิ้วก็ได้เหมือนกัน สั่งเซ็ทเดียวได้ครบทั้งข้าวญี่ปุ่นเหนียวนุ่ม ไข่ตุ๋นละมุนลิ้น สลัดผัก ซุปมิโซะ และผลไม้มาให้ล้างปาก ราคาเริ่มต้นแค่ 105 เท่านั้น จะสั่งสาเกร้อนมาจิบคู่กันด้วยก็ได้ ให้อารมณ์เหมือนนั่งกินย่านเกียวโตเลยดีเดียวเชียว 
 
ราเม็งร้อนๆ ทานกับเทมปุระอร่อยๆ ยิ่งเข้ากัน
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
2. By Hand Pizza Café – พิซซ่าอบเตาฟืน เปิดทั้งคืนไม่ต้องกลัวหิว 
 
 
พิกัด : ถนนมูลเมืองซอย 7 (หน้าวัดล่ามช้าง)
เวลาเปิด-ปิด : 17.00 – 23.00 น. 
เบอร์โทร : 084-3667203
 
เมื่อกี้อิ่มกับรสชาติอาหารของประเทศใกล้ๆ มาแล้ว ร้านนี้จัดเต็มกับรสชาติอาหารตะวันตกอย่างพิซซ่า ที่มีหน้าให้เลือกเพียบ ทั้ง Summer Pizza, Bacon & Caper, Smoked Ham, Meat Lover รวมทั้งพิซซ่ามังสวิรัติ รวมๆ แล้วมีหน้าให้เลือกแน่นเมนูเลยแหละ ความพิเศษของพิซซ่าที่นี่อยู่ตรงวัตถุดิบละวิธีการทำครับ เพราะเขาจะทำแป้งแบบถาดต่อถาด เหมือนนั่งดูศิลปินกำลังสร้างสรรค์งานศิลปะของตัวเองอยู่ พอจัดแจงใส่เครื่องจนล้นแล้วก็ยัดเข้าเตาอบ ที่ร้านลงทุนก่อเอง เลือกใช้ฟืนไม้ลำไยในการอบ ไม่เกิน 10 นาทีพิซซ่าก็มาเสิร์ฟบนโต๊ะเรียบร้อย อร่อยแบบไม่พึ่งซอสอะไรมาช่วยดึงรสเพิ่มเติมเลย แถมในร้านยังมีมุมกาแฟสดเล็กๆ และเบียร์เย็นๆ ไว้ในทานคู่กันด้วย เปิดเพลงคลอไปเบาๆ แค่นี้ก็ฟินแล้ว
 
พิซซ่าร้อนๆทำถาดต่อถาด พร้อมเสิร์ฟทุกวัน
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
3. Café Atre – คาเฟ่อาร์ทๆ ถ้าพลาดจะเสียใจ
 
 
พิกัด : ถนนมูลเมืองซอย 7 (เข้าซอยมาประมาณ 200 เมตร ร้านอยู่ด้านซ้ายมือ)
เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 17.00 น. 
เบอร์โทร : 053-289569, 081-8219250
Facebook :Arte house
 
แนะนำให้มาร้านนี้เช้าๆ หน่อย เพราะเขามีบริการอาหารเช้าให้เลือกทานด้วย ร้านนี้เกิดจากการที่เจ้าของอย่างคุณป๊อป อยากเปิดพื้นที่ให้คนที่รักในรสชาติกาแฟเข้ามาดื่มด่ำกันแบบเป็นกันเองครับ เราเห็นได้จากขนาดร้านที่ไม่ใหญ่โตอะไรมากนัก มีเพียงโต๊ะเก้าอี้ตั้งไว้หลวมๆ แบ่งที่นั่งเป็น 2 โซน ระหว่างที่นั่งในร้าน และที่นั่งแบบโอเพนแอร์ด้านนอก แสงแดดทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเพราะมีต้นไม้ใหญ่คอยบังเอาไว้ให้ แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลีลาวดีให้ผ่อนคลายกันด้วยนะ แนะนำสั่งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านที่ชื่อว่า Magic มาจิบ หาหนังสือดีๆ มาอ่านสักเล่ม นั่งกันได้ยาวๆ เลย เพราะกาแฟจัดเต็มแบบดับเบิ้ลช็อต เติมนมร้อนมาเพิ่มความหอมมัน ไม่ต้องเติมน้ำตาลก็หวานกลมกล่อมแล้ว ถ้าจะให้ดีสั่ง Roti Banana Peanut Butter มาทานคู่กันก็ได้ เมนูนี้มีทั้งแป้งโรตีกรอบๆ กล้วยหอมสด เนยถั่ว ลูกเกด และอัลมอนด์สไลด์ ราดทับด้วยซอสช็อกโกแลตอีกชั้น ราคาแค่ 85 บาทเองนะเออ
 
 Roti Banana Peanut Butter 85 บาท
 
Magic Coffee กาแฟจัดเต็มดับเบิ้ลช็อต หวานกลมกล่อมลงตัว
 
 

Another cute lil cafe! #ChiangMai #Thailand #cafe

A photo posted by adeline chong (@adlynncec) on

บรรยากาศมองจากหน้าร้าน
 
 

再次在清邁戀愛

A photo posted by 老狸貓 Li Meow (@leopardlocker) on

หนุ่มผมยาวสาวกรี๊ด

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
 
ช่วงกลางซอย มีร้านน้ำผลไม้ปั่นสไตล์ไทยฝรั่งนิยมกิน
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
"นอนอุ่น"
4. Atre House – นอนบ้านศิลปิน
 
 
พิกัด :ถนนมูลเมืองซอย 7 (เข้าซอยมาประมาณ 200 เมตร โรงแรมอยู่ด้านซ้ายมือ)
โทร : 053-289569, 081-8219250
Facebook :Arte house
ราคา : 
Single Room เริ่มต้น 950 บาท / คืน
Superior Room เริ่มต้น 1,100 บาท / คืน
Deluxe Room เริ่มต้น 1300 บาท / คืน
 
เดินออกจากร้าน Café Arte มาประมาณ 10 ก้าวถึงเลยครับ ที่นี่ใช้คำว่า House เป็นตัวแทนของห้องพักที่เปรียบเสมือนบ้านอันแสนอบอุ่น เพราะมีให้บริการเพียงแค่ 6 ห้องเท่านั้น ใครอยากจะมาพักต้องออกแรงจองกันสักหน่อย แต่ถ้าได้มาใช้บริการเมื่อไหร่ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเตียงเดี่ยว เตียงคู่ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ และอื่นๆ แต่ถ้าอยากชมวิวผ่านระเบียงห้องส่วนตัวแนะนำจองห้องแบบ Deluxe เพราะจะมีพื้นที่ไว้ให้เดินออกมาสูดอากาศได้เต็มปอด อย่างที่บอกว่าที่นี่ มีต้นไม้เล็กใหญ่ขึ้นจนเขียวครึ้มไปหมด แถมรถที่สัญจรไปมาก็มีแค่มอเตอร์ไซค์ นานๆ ทีจะมีรถยนต์สักคันขับผ่าน (เพราะพื้นที่ถนนแคบ) บรรยากาศโดยรวมเลยเงียบสงบ ส่วนตัวแบบสุดๆ ไปเลย และทิ้งท้ายความพิเศษอีกอย่างของที่นี่ก็คือ ชั้นล่างก่อนที่จะเดินขึ้นห้อง จะมีพื้นที่แกลเลอรี่เล็กๆ เปิดให้ชมผลงานกันด้วยนะ ทั้งภาพเขียน งานเซรามิก และอื่นๆ ถ้าเกิดชมแล้วชอบ ก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ด้วยเหมือนกัน
 
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
5. Sleep Guest House – ที่พักสไตล์อินดัสเทรียล - ลอฟท์ ขวัญใจนักเดินทาง
 
 
พิกัด : ถนนมูลเมืองซอย 7 (เข้าซอยมาประมาณ 300 เมตร โรงแรมอยู่ด้านขวามือ)
โทร : 053-289561, 089-6359750 (ไทย-อังกฤษ), 083-2975487 (อังกฤษ-ดัตช์)
ราคา : 
Twin Room เริ่มต้นจาก 990 บาท / คืน (จำนวน 3 ห้อง)
Double Room เริ่มต้นจาก 990 บาท / คืน (จำนวน 6 ห้อง)
 
โรงแรมขนาด 9 ห้องสุดน่ารัก ที่อบอุ่นตั้งแต่เดินเข้ามาเช็คอิน เพราะคุณจอห์น และคุณจ๊ะเอ๋ สามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของ จะคอยตอนรับด้วยรอยยิ้ม และเวลคัมดริงค์อย่างน้ำตะไคร้เย็นมาให้ได้ชื่นใจ Sleep Guest House เตรียมห้องพักขนาดกำลังดีเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวถึง 9 ห้อง มีล็อบบี้อยู่ตึกด้านหน้า และห้องพักอยู่ตึกด้านหลัง 3 ชั้น ชั้นละ 3 ห้องเท่านั้นเอง เวลาที่มาพักจึงรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ภายในห้องและรอบๆ ทางเดินถูกตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียล – ลอฟท์ ให้กลิ่นอายในอารมณ์แบบเน้นโครงสร้าง ผสมความดิบของผนังปูนเปลือย และภาพกราฟฟิตี้ที่มีให้ชมตลอดทาง คุณจ๊ะเอ๋บอกว่า ตอนเปิดโรงแรมแรกๆ เวลาแขกมาพัก เขาก็จะขอฝากผลงานเป็นภาพติดผนังพวกนี้แหละครับ เราเลยได้เห็นว่ามีงานสวยๆ ซุกซ่อนอยู่แทบจะทุกมุมของโรงแรม เก๋มากๆ!!
 




 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
"บุญก็ได้"
6. วัดล่ามช้าง – ทำไมต้องล่ามช้าง?
 
 
พิกัด : ถนนมูลเมืองซอย 7 (เข้าซอยมาจนสุด วัดจะอยู่ตรงทางแยกพอดีเป๊ะๆ)
เวลาเปิด-ปิด : 06.00 – 18.30 น.
 
ตอนได้ยินชื่อวัดครั้งแรกก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันครับว่า วัดล่ามช้าง ทำไมต้องล่ามช้าง ช้างของใคร หรือช้างพูดภาษาคนไม่ได้ก็เลยต้องใช้ล่ามแปล หลังจินตนาการไปต่างๆ นานา จนมาได้คำตอบภายในวัดนี้แหละ ล่ามช้างที่ว่านั้นเกิดขึ้นจากตำนาน ช่วงที่สร้างเมืองเชียงใหม่แรกๆ  เล่าว่าพระยาเม็งราย ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์องค์แรกแห่งนครเชียงใหม่ ได้เอาช้างคู่บารมีที่ชื่อว่า “พระยาช้างพลายมงคล” มาล่ามไว้ตรงจุดนี้ พอเอามาล่ามไว้เสร็จก็เลยอยากสร้างวัดตรงนี้ เพื่อให้เป็นบารมีแก่พระยาช้าง เลยตั้งชื่อวัดว่า วัดล่ามช้างซะเลย มาที่นี่ นอกจากจะได้พบกับสถาปัตยกรรมสวยๆ แบบล้านนาโบราณแล้ว ยังมีสถูปเจดีย์เก่า พระอุโบสถ และรูปปั้นของพระยาช้างพลายมงคลไว้ให้ดูกันอีกด้วย
 
เสริมนิดนึงนะจ๊ะ -เสน่ห์อย่างหนึ่งของมูลเมือง ซอย 7 หรือที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันดีในชื่อชุมชมล่ามช้างนั้น แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า วัดมีอิทธิพลสูงมากกับวิถีชีวิตของคนที่นี่ เราเลยไม่ได้เห็นผับ บาร์  ร้านเหล้าที่เสียงดังโครมครามมาเปิดในซอย เพราะชาวบ้านเขาต้องการอนุรักษ์ความเป็นอยู่ดั้งเดิมของคนภายในชุมชนให้ดีที่สุด และหนึ่งในตัวอย่างของความแข็งแรงที่กว่านั้นก็คือ ชาวบ้านเขาจะใช้วัดล่ามช้างเป็นสถานที่ทำกิจกรรมกัน เพราะทั้ง กองทุนชุมชนล่ามช้าง สาธารณสุขชุมชน กองพัฒนาสตรีชุมชนล่ามช้าง ที่ทำการชุมชนล่ามช้าง ศูนย์การเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ก็รวมอยู่ที่วัดนี้หมด มีถึงขนาดการสอนขิมให้กับเยาวชนในชุมชนโดยพระในวัดเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วก็น่าชื่นใจที่คนล่ามช้างยังมีความเหนียวแน่นกลมกลืนแบบนี้ ใครไปเที่ยวก็ดูรอบๆ ตัวบ้างก็ดีนะจ๊ะ อะไรที่ไม่ควรจะได้ไม่ทำไง (ฮ่า)  
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
"ถ่ายรูปก็ฮิป"
7. Urban Graffiti – สตรอง!! กับกราฟฟิตี้สตรีทสไตล์ 
 
 
พิกัด : ถนนมูลเมือง ซอย 7 ตั้งแต่บริเวณปากซอยฝั่งคูเมือง ถึงวัดล่ามช้าง
 
ใครที่อ่านมาถึงข้อนี้ คุณได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของถนนเส้นนี้แล้วครับ หลังจากที่เดินเปื่อย พักกิน แวะนอนกันมาตั้งนาน ครั้งนี้ถึงคิวการอัพรูปเลิศๆ อวดเพื่อนในเฟสฯ กันแล้ว ถนนเส้นนี้นี่แหละที่เป็นแหล่งรวมกราฟฟิตี้สวยๆ ฮิปๆ จากฝีมือศิลปินนานาชาติ ที่ทยอยกันมาฝากผลงานไว้จนเต็มพื้นที่ในซอยแบบแน่นกำแพง ต้อนรับตั้งแต่ต้นซอยด้วยภาพไฮไลท์ ขนาดใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะมีความสูงเกือบ 3 เมตร กินพื้นที่ด้านข้างตึกไปทั้งหมด ช่วงเช้าถึงเย็น ร้านกาแฟที่อยู่ปากซอยจะเอาเก้าอี้ตัวเล็กๆ มาตั้งไว้เต็มไปหมด สั่งกาแฟ มาดื่มเพิ่มความสดชื่น จะได้ถ่ายรูปกันได้แบบรัวๆ ยังไม่พอนะ ถ้าเดินต่อเข้ามาในซอยอีกไม่กี่ก้าวก็จะเจอผลงานเล็กๆ เรียงรายเต็มไปหมด ก่อนจะมาพีคอีกครั้งช่วงกลางซอยครับ ที่จะมีซอยเล็กตัดผ่านอีกที ตรงนี้แหละที่ผลงานจากการสะพัดกระป๋อง ของพวกพี่ๆ เขาแน่นและยาวกว่า 10 เมตรเลยทีเดียว ใครชอบแนวซอฟท์ๆ ใสๆ ก็มีให้เลือกถ่าย ส่วนใครโลกส่วนตัวสูงก็มีลายนามธรรมคูลๆ ชิคๆ อยู่เหมือนกัน เดินเข้ามาในซอยนี้ ซอยเดียว ก็เหมือนเดินเที่ยวแกลเลอรี่ขนาดใหญ่กลางเชียงใหม่แล้วนะ ไม่เชื่อเหรอ....มาดูเองสิ 
 
 
 
 
ความน่าหลงใหลอย่างหนึ่งของเชียงใหม่ ผมว่าอย่างนึงก็คือความที่เมืองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองเลย ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็จะมีอะไรสนุกๆ โผล่มาให้เราได้ไปเที่ยวเสมอ อย่างผมเอง ถึงแม้จะอยู่เชียงใหม่มากว่า 7 ปีแล้ว แต่ยังสนุกกับการทำความรู้จักกับความสดใหม่ของที่นี่อยู่เลย“มูลเมือง ซอย 7”เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ ถึงแม้อะไรจะเติบโตเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน แต่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนล่ามช้าง ก็ยังเหนียวแน่น ไม่เปลี่ยนแปลงสักทีเนอะ 
 
 
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
ท่านใดมีที่กิน เที่ยว พักน่าสนใจย่านมูลเมือง แนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

 
  

 

19+1 สิ่ง Things to do วนรอบคู ดูริมคือ อื้อหือ เชียงใหม่

$
0
0



 

เคยสงสัยกันบ้างไหม ว่าพวกฝรั่งหัวแดงๆ คนจีนหัวดำๆ หรือจะคนชาติอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติทำไม๊ทำไมต้องมาเดินลากเท้าวนรอบคูเมือง บางคนอยากทุ่นแรงขึ้นมาหน่อย ก็พากันไปเช่าจักรยานมาปั่นบ้างล่ะ ไปเช่ามอเตอร์ไซค์มาแว๊นบ้างล่ะ แต่ที่แน่ๆพวกเขาต้องวนรอบคูเมือง เอ…มันมีดีอะไรที่คูเมือง มองไปก็เห็นแต่น้ำคือกับกำแพงสีอิฐที่คุ้นตา จะมัวแต่สงสัยก็กลัวจะพลาดอะไรเจ๋งๆเข้าให้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วตัดสินใจพกกล้องคู่ใจ หยิบรองเท้าคู่เก่งมาสวม แถมน้ำดื่มสะอาดขวดใหม่แปลงกายไปเป็นนักท่องเที่ยวอินเตอร์กับเค้าบ้างเลยละกัน เผื่อจะพบ "บางสิ่งที่ Things to do วนรอบคู ดูริมคือ อื้อหือ เชียงใหม่"

((แต่ขอเป็นคูเมืองรอบในก่อนนะ สองขาพี่ไม่แกร่งพอ))

รู้หรือไม่ :จะวนคูเมืองรอบในให้วนซ้ายตลอด ส่วนคูเมืองรอบนอกก็วนขวาตามเข็มนาฬิกา ไม่งงนะ!
 


เสน่ห์ของกำแพงเมืองโบราณที่อยู่คูบ้านคู่เมืองมาตลอด
 


ฝรั่งสามคนนี้เดินกันแบบชิลๆเลย


พร้อมออกเดินทางแล้ว สู้ไหมๆ

--------------------

1. กินกาแฟ แชร์ความจำยุค 60’s

 

 

สถานที่ :ร้านชงกาแฟ Chong Cafe
พิกัด : ถนนศรีภูมิ (ตรงข้ามวัดโลกโมฬี)
โทรศัพท์ :099-0591345
Mail : kung.jirarath@gmail.com

Life is too short for bad coffeeถ้าเห็นด้วยกับสโลแกนนี้ ต้องแวะมาดื่มกาแฟด่ำกาแฟดีๆที่นี่ พร้อมชื่นชมของสะสมในวันวานที่สูญหายไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นตู้เกมส์เก่าที่ยังเล่นได้ รถเลื่อนไม้ที่เป็นของเล่นเด็ก หนังสือหายากที่ไม่วางขายแล้ว ภาพถ่ายที่ได้รางวัลระดับโลก ภาพเขียนของที่ระลึกขณะเดียวกันก็นั่งฟังเพลงที่เล่นจากแผ่นเสียงเก่าไปด้วย ทั้งหมดนี้มีอายุตั้งแต่ยุค 60’s เป็นต้นมาหรือคุณจะมานั่งเล่นกีตาร์กับเพื่อนใหม่ๆที่เป็นนักท่องเที่ยวก็ได้เช่นกัน

 


ของสะสมสำหรับสาวก The Beatles


ฟังเพลงแบบคลาสสิค
 

--------------------

2. ทุกคนคือเพื่อน เมื่อมาเยือน The Terrace


พี่ตาโต เจ้าของ The Terrace Guesthouse ผู้ยินดีเป็นเพื่อนกับทุกคน
และหากถูกใจใครเป็นพิเศษก็จะวาดรูปสีน้ำให้เป็นของขวัญด้วยล่ะ

 

สถานที่ :The Terrace Guesthouse
พิกัด : ถนนศรีภูมิ (ตรงข้ามวัดโลกโมฬี)
โทรศัพท์ : 096-5060349
Mail :Terrace2015@hotmail.com
Facebook : Terrace Guesthouse

ในพื้นที่เดียวกันกับร้านชงกาแฟนี้เองคือเกสต์เฮ้าส์ชื่อ The Terrace ที่มีเพียง 6 ห้องเจ้าของคือพี่ตาโตสถาปนิกนักสะสมของเก่าแถมยังเป็นอาร์ทติสผู้วาดรูปสีน้ำด้วย สิ่งที่วิเศษกว่าโรงแรม 5 ดาว คือการได้พบเจอนักเดินทางหลายสัญชาติ พูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต เพราะทุกคนเป็นเพื่อนกันได้ เมื่อมาเยือนที่นี่แถมตื่นเช้ามาคุณก็อาจนั่งชมผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาได้ที่เทอเรซซึ่งหันหน้าออกไปทางคูเมือง หรือจะไปชื่นชมสิ่งของจากอดีตในร้านชงกาแฟซึ่งพี่ตาโตเป็นผู้สะสมไว้เองก็ได้

 


บนซ้าย - ลูกค้าที่มาพักที่เกสต์เฮ้าส์มักจะมานั่งเล่นกันบริเวณด้านหน้าร้าน
รูปอื่นๆ - บรรดาของสะสมของพี่ตาโต ทั้งโปสเตอร์ออริจินัลภาพถ่ายที่ได้รางวัลระดับโลก / หนังสือรวมภาพถ่ายศตวรรษที่ 20 ที่หาซื้อไม่ได้แล้ว / นาฬิกาโบราณ



ห้องที่นี่มีทั้งเตียงคู่และเตียงเดี่ยว มีรูปภาพที่ถูกจัดวางไว้ตามความชอบส่วนตัวของเจ้าของเกสต์เฮ้าส์


--------------------

3. จุดแวะพัก ณ กระท่อมสีขาว

 


ภาพจากเพจ White Chalet Bed & Breakfast
ชานเรือนด้านหน้าที่สามารถนั่งเล่นมองวิวคูเมืองได้

 

สถานที่ :White Chalet Bed & Breakfast
พิกัด : แจ่งหัวริน
โทรศัพท์ : 053-326188
Facebook :White Chalet Fanpage

ระยะทางพิสูจน์ม้า และกาลเวลาก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งของแรงน่องเราเช่นกัน ถึงคราวต้องหยุดพักอีกครั้งเมื่อเดินทางมาถึงแจ่งหัวริน สิ่งที่สะดุดตาทันทีคือสถานที่เล็กๆที่ล้อมด้วยรั้วสีขาวและตัวอาคารก็เป็นสีขาวเช่นกัน ที่นี่นอกจากจะเป็นเกสต์เฮ้าส์จำนวน 10 ห้องแล้วยังเป็นคาร์เฟ่ที่สามารถมาแวะพักดื่มเครื่องดื่ม ทานขนมและอาหารพร้อมกับมองวิวสวยๆของคูเมืองท่ามกลางสวนขนาดย่อมที่ร่มรื่นได้

 


ภาพจากเพจ White Chalet Bed & Breakfast
หน้าร้านสีขาวโดนเด่น

--------------------

4. จับไข่มายำหวาน แซ่บซ่านสะท้านใจ

 


ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่หวานกับกุ้งแม่น้ำตัวโต

 

สถานที่ :ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่หวานสวนดอก
พิกัด :ประตูสวนดอก
โทรศัพท์ :089-4314040
Facebook :ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่หวานประตูสวนดอก  

หิวเมื่อไรก็แวะไปแต่ไม่ได้แวะ 7-11 เพราะที่ประตูสวนดอกมีก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่หวานสวนดอกอยู่ ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เปิดมานานกว่า 13 ปีเมื่อก่อนอาจจะเป็นเพียงร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นธรรมดาๆ แต่ปัจจุบันเค้าคือหนึ่งในเจ้ายุทธจักรแห่งเมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำ นอกจากไข่จะอร่อยแล้วยังมีสารพัดสัตว์ทะเลทั้งกุ้งปลาหมึกและปูให้เลือกสั่งใส่ชามจัดใส่ท้องอีกด้วย

 


ก๋วยเตี๋ยวต้มยำปลาหมึกไข่หวาน และก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูเด้งไข่หวาน

--------------------

5. แหล่งซื้อขายมหัศจรรย์สัตว์โลก


อีกัวน่า กิ้งก่าสุดฮิตสำหรับคนชอบสัตว์แปลก
 

พิกัด :ตรงข้ามโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าตลอดทางเลียบคูเมือง ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ คือแหล่งซื้อขายสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่อีกโลเคชั่นหนึ่งของเชียงใหม่ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงประเภท Exotic Pets ไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่าอีกัวน่างูสวยงามกบจระเข้ชูการ์ไรเดอร์เต่าญี่ปุ่นนอกจากนี้ก็ยังมีนกและปลาสวยงาม รวมถึงสัตว์ตัวจิ๋วขวัญใจวัยมัธยมอย่างหนูแฮมสเตอร์และกระต่ายด้วย ส่วนอาหารสัตว์และอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงสัตว์ก็มีสำหรับสัตว์แทบทุกประเภทเลยทีเดียว อยากแวะร้านไหนเชิญเลือกตามอัธยาศัย
 

--------------------

6. เวลาเดินช้ากว่าทุกที ที่สวนบวกหาด

 


สวนสาธารณะเล็กๆที่งดงามกลางเมืองเชียงใหม่

 

สถานที่ :สวนสาธารณะหนองบวกหาด/สวนบวกหาด
พิกัด : ถนนอารักษ์ประตูสวนปรุง

สวนสาธารณะหนึ่งเดียวกลางเมืองเชียงใหม่ที่คนส่วนใหญ่จะมาเยือนเวลาที่มีการจัดกิจกรรมต่างๆเท่านั้น แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่นี่คือความสงบที่ความวุ่นวายของเมืองใหญ่เข้ามาไม่ถึง หลายๆคนจึงเลือกมานั่งนอนอ่านหนังสือฟังเพลงใต้เงาของร่มไม้ ส่วนกิจกรรมยอดฮิตของคนท้องที่คือการให้อาหารนก ให้อาหารปลาและการรวมตัวกันมาออกกำลังกาย ทั้งการวิ่งโยคะแอโรบิคไปจนถึงรำมวยจีนอาหารการกินก็มีพร้อมทั้งสำหรับคนและนก พอเผลอก้าวเข้ามาที่นี่แล้ว เวลากลับเดินช้าลงอย่างเหลือเชื่อ
 


เอกเขนกนอนสบาย


อาหารถุงเดียว ให้ได้ทั้งนกพิราบและปลา


--------------------

7. ต้องมนต์ตราเมืองมายา Clay Studio


บรรยากาศภายใน Clay Studio Coffee In The Garden
 

สถานที่ :Clay Studio Coffee In The Garden
พิกัด : ถนนราชมรรคา ซอย 6 ประตูเชียงใหม่ / ถนนพระปกเกล้า ซอย 2 (เข้าได้ทั้งสองทาง)
โทรศัพท์ : 095-6754015
Facebook :Clay Studio Coffee In The Garden

ประตูเชียงใหม่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงประตูเมืองที่บ่งบอกร่องรอยอารยธรรม เพราะเพียงเดินเข้าซอยราชมรรคา 6 ไปไม่เกิน 100 เมตรคุณจะพบกับกำแพงอิฐตลอดจนประตูทางเข้าที่แกะสลักไว้ราวกับเป็นทางเข้าสู่นครวัด ศาสนสถานชื่อดังของกัมพูชา แต่ด้านหน้ามีป้ายว่า "บ้านพ่อเลี้ยงหมื่น"ขนาดใหญ่ติดอยู่ คิดสารพัดไปแปดตลบว่าเรากำลังอยู่ในเชียงใหม่รึเปล่าหว่า สองเท้าก็พาไปพบกับคำตอบว่าแท้ที่จริงแล้วที่นี่คือสตูดิโอโชว์ผลงานเครื่องปั้นดินเผาแบบศิลปะเขมร-อินโด ศิลปินคือพ่อเลี้ยงคนดังแห่งล้านนา คุณสุธิพงษ์ใหม่วันและที่เด็ดดวงกว่านั้นคือการสร้างสรรค์ร้านกาแฟขึ้นท่ามกลางรูปปั้นนับหลายร้อยชิ้น มีมุมที่ทำเป็นธารน้ำตกขนาดใหญ่ ทางเดินปูด้วยหินล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย นี่คือการดื่มกาแฟในเมืองแห่งมนตรา เขมรมายาชัดๆ!
 


อาหารรสชาติกลมกล่อม ฝรั่งกินได้ คนไทยกินดี
 


รูปปั้นดินเผาทั้งหมดในร้านพร้อมขายให้ผู้สนใจทุกคน
 

--------------------

8. ไอศกรีมโฮมเมด เทสต์รสชาติในกะลา



Coco Set 3 เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน


สถานที่ :ร้านกินติม (Kintim)
พิกัด : ถนนศรีภูมิ (ก่อนถึงประตูช้างเผือกเล็กน้อย)
โทรศัพท์ : 095-5395649
Facebook : Kintim กินติม Chiangmai

ไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายหนาว ไอศกรีมก็ยังเป็นของถูกปากใครหลายคนอยู่ดี และOTOPคูเมืองที่อยากแนะนำให้ลอง ก็คือไอศกรีมโฮมเมดที่ร้าน “กินติม”โดยเฉพาะเมนูซิกเนเจอร์ คือ “Coco Set 3” จงเลือกไอศกรีม 3 รสชาติแล้วนั่งรอ (แนะนำรสกะทิ) ไอศกรีมจะถูกเสิร์ฟมาในกะลามะพร้าว มี Topping 6 อย่างได้แก่ข้าวเหนียวมูนถั่วลิสงมันเชื่อมลูกชิดวุ้นมะพร้าวและธัญพืชอบกรอบทีเด็ดคือมีเนื้อมะพร้าวให้เราแคะกินด้วย
 

--------------------

9. ควรค่าม้า มีคุณค่าน่าจดจำ

 


เอกลักษณ์ของวัดควรค่าม้าคือรูปปั้นม้าสีทอง

 

สถานที่ :วัดควรค่าม้า
พิกัด : หน้าซอย 7 ถนนศรีภูมิ

เป็นวัดที่โดดเด่นด้วยรูปปั้นม้าสีทองที่ยืนเรียงรายอยู่บนแนวกำแพง ตามตำนานเดิมเล่าว่าวัดนี้เมื่อก่อนชื่อ“คุณค่าม้า” โดยในสมัยโบราณชาวล้านนานิยมใช้ม้าเป็นพาหนะในการติดต่อค้าขาย และบริเวณนี้ก็คือพื้นที่ที่ใช้เลี้ยงม้าเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อม้าเหล่านั้นล้มตาย เจ้าของที่จึงอุทิศที่แปลงนี้ให้สร้างเป็นวัดด้วยความอาลัยในม้าเหล่านั้น ต่อมาชื่อวัดก็เพี้ยนเป็น“ควรค่าม้า”ตามกาลเวลา

--------------------

10. ตะลึงลาน...งานศิลป์โบราณที่วัดเก่า

 


สไตล์การสร้างวัดเป็นศิลปะล้านนาผสมผสานกับอังวะ

 

สถานที่ :วัดมณเฑียร/ราชมณเฑียร
พิกัด : ถนนศรีภูมิ (เลยวัดควรค่าม้าไปเล็กน้อย)

ดูเผินๆอาจไม่รู้ว่านี่คือคือวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง นักท่องเที่ยวชาวไทยหลายๆคนจึงผ่านเลยไป แม้แต่คนเชียงใหม่บางส่วนก็ไม่รู้ว่าวัดนี้มีคุณค่ามากขนาดไหน แต่ที่นี่คือวัดแรกของกษัตริย์ราชวงศ์มังราย สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.1974 ในสมัยที่พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังรายทรงราชาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดินปกครองเมืองเชียงใหม่ โดยทรงโปรดเกล้าให้รื้อพระตำหนักราชมณเฑียรส่วนพระองค์มาสร้างเป็นวัด สถาปัตยกรรมของวัดและพระพุทธรูปล้วนเป็นลวดลายปูนปั้นและลงทองแบบล้านนาโบราณที่ผสมผสานศิลปะแบบอังวะไว้ด้วย เอกลักษณ์พิเศษที่ไม่มีที่อื่น คือ การนำเอาหินทรายมาสร้างเป็นพระพุทธรูป

 


พระพุทธรูปแบบล้านนา

 

--------------------

11. ละลายทรัพย์ หยิบจับของฝาก(ท้อง)

 


อาหารปรุงสำเร็จมากมายพร้อมให้เราไปจับจ่ายซื้อหา

 

สถานที่ :ตลาดประตูเชียงใหม่
พิกัด : ประตูเชียงใหม่

นอกจากจะเป็นแหล่งฝากท้องของคนพื้นที่และนักท่องเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืนแล้ว ที่ตลาดประตูเชียงใหม่ยังเป็นตลาดซื้อขายของฝากประเภทอาหารพื้นเมืองที่เพียบพร้อมอีกแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแคบหมูน้ำพริกหนุ่มหมูทอดหมูยอแหนมหรือข้าวซอยตัดที่เป็นขนมหวานสุดโปรดของหลายๆคน เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากวนรถเข้าไปซื้อถึงกาดหลวงเพียงแค่แวะที่นี่ก็ละลายทรัพย์ในกระเป๋าไปได้มากแล้ว ส่วนด้านหน้าตลาดและบริเวณลานประตูเชียงใหม่ ก็เป็นพื้นที่ของกับข้าวปรุงสำเร็จ อาหารรถเข็นสารพันรวมถึงขนมนมเนยนานาชนิด
 


แคบหมูมีขายเป็นกิโลๆ พร้อมน้ำพริกสารพัด


เครปไทยสไตล์ เมนูที่นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ชอบมาก


--------------------

12. เมื่อยกายสบายตัว ไม่ต้องกลัวโดนแฟนด่า



ฝรั่งคนนี้ก็คงเดินเที่ยวมาจนเมื่อยเช่นกัน

 

พิกัด :ย่านประตูท่าแพ

เดินมาทั้งวันเที่ยวมาทั้งคืนชักเมื่อยตัว เชียงใหม่คือเมืองแห่งการนวดแผนไทยที่คุณเชื่อใจได้ ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปคูเมืองฝั่งใด ก็จะพบร้านนวดแผนไทยที่กระจายตัวอยู่ตลอดเส้นทาง แต่ถ้าจะให้ชี้เป้าจำกัดวงให้แคบขึ้นสักหน่อย ขอแนะนำย่านท่าแพซึ่งสามารถเลือกร้านนวดได้ตามใจชอบตั้งแต่ข้างถนนไปจนถึงในวัด นักนวดมือทองทั้งหลายสามารถจับเส้นดัดตัวให้ได้ทั้งแบบนุ่มนวลฉบับราชสำนักหรือจัดหนักมือเท้าเข่าศอกฉบับเชลยศักดิ์ อุดหนุนหมอนวดแบบนี้ไม่โดนแฟนด่าแน่นอน
 

--------------------

13. มีนัดกับฝรั่ง นั่งดินเนอร์ที่ท่าแพ
 


นั่งสบายๆ บรรยากาศเป็นกันเอง

 

สถานที่ : Bier Stube Restaurant
พิกัด : ถนนมูลเมือง (ก่อนถึงโรงแรม Top North Center)
โทรศัพท์ : 053-278869

อาจจะเพราะเป็นร้านที่มีแต่ฝรั่งเข้าเต็มไปหมด คนไทยเลยไม่ค่อยกล้าย่างกรายเข้ามาสักเท่าไร แต่ที่นี่คือร้านอาหารเยอรมันยุคบุกเบิกตั้งแต่สมัยที่ท่าแพยังมีร้านอาหารและบาร์เพียงร้าน 1 - 2ร้านเท่านั้นโดยเปิดทำการมากว่า 31 ปีแล้วแถมราคาเริ่มต้นที่ซุปเพียง 30 บาท ไปจนถึงสเต็กที่ราคาแพงที่สุดเพียง 280 บาทเท่านั้นนอกจากอาหารเยอรมันรสชาติต้นตำรับแล้วยังมีอาหารไทยและอาหารสัญชาติอเมริกันอีกมากมายกว่าร้อยเมนู แม้แต่ผู้จัดการคนดังอย่างเอ ศุภชัยก็เคยแวะเวียนมาที่นี่แล้วเช่นกัน
 


บริเวณหน้าร้านเมนูอาหารทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษาเยอรมันและภาษาจีน


คุณป้าเจ้าของร้านเป็นกันเองและคล่องแคล่ว พร้อมเป็นมิตรกับลูกค้าทุกชนชาติ


บรรยากาศไทยๆแบบนี้ ฝรั่งชอบกันนัก อาจจะเพราะว่าร้านหรูๆ เขาเห็นจนเบื่อแล้ว
แต่ร้านที่เป็นLocal แบบนี้หาไม่ได้จากบ้านเมืองของเขา


ร้านอื่นๆระแวกเดียวกันก็น่าสนใจ


มีโต๊ะสนุ๊กเกอร์ด้วย

--------------------

14. อาร์ทติสบนลานหิน
 


อาจารย์ศักดิ์ Artist มานั่งขายผลงานบนลานท่าแพและแยกกลางเวียงเป็นประจำ

 

พิกัด : ลานท่าแพ

ยามค่ำคืนบนลานท่าแพแห่งนี้ คือสถานที่ที่เหล่าอาร์ทติสทั่วเมืองเชียงใหม่จะมานั่งขายฝีมือและไอเดียกัน ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูปเหมือน สร้อยข้อสร้อยข้อมือHand Made พวงกุญแจและสารพัดงานประดิษฐ์ประดอย สิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนผืนผ้าที่ปูลงกับพื้น ราคาก็ไม่แพงนักแต่คือของที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น
 


พวงกุญแจหนังสัตว์นำมาเพ้นท์ลวดลายแปลกตา ติดต่ออ.ศักดิ์ 093-2611365


เมื่อเราขับรถผ่านจะเห็นภาพที่ชินตาเป็นนักท่องเที่ยวมายืนออกันที่ประตูท่าแพ


ตั้งแต่เช้าจรดค่ำที่ประตูท่าแพไม่เคยหลับใหล


ถ้ามาตอนกลางวันจะรู้ว่านกพิราบที่นี่ไม่กลัวคน


--------------------

15. แวะแอ่วกาด ตลาดฝรั่งเดิน


ที่กาดสมเพชร นอกจากผักผลไม้ อาหารปรุงสำเร็จก็มีขายมากมาย
 

สถานที่ : ตลาดสมเพชร
พิกัด : ถนนมูลเมือง (เลยประตูท่าแพไป)

ตลาดสมเพชรคือแหล่งขายผักผลไม้ที่เรามักจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเดินซื้อวัตถุดิบกันเป็นประจำ ทำไมพวกเขาถึงต้องมาที่นี่ นั่นก็เพราะโรงเรียนสอนทำอาหารสำหรับชาวต่างชาตินิยมพาลูกค้ามาเดินเลือกซื้อวัตถุดิบที่นี่นั่นเอง นอกจากจะเป็นแหล่งขายวัตถุดิบสดแล้ว ตอนกลางคืนที่นี่ยังเต็มไปด้วยอาหารปรุงสำเร็จมากมาย ทั้งก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง และที่ขาดไม่ได้ก็คือผัดไทย อาหารไทยที่ชาวต่างชาติทุกคนรีเควสเสมอเมื่อมาประเทศไทย และเราขอแนะนำให้ลองกินโรตีเจ้าเด็ดที่ขายอยู่ที่นี่ นั่นก็คือ โรตีรัตติมา ซึ่งขายมากว่า 5 ทศวรรษแล้ว กรอบ หอม หวาน อร่อยยังไงมาได้ตั้ง 5 ทศวรรษ ต้องไปลอง!

 

 

--------------------

16. นั่งหรูดูดีใต้แสงเทียน


บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างสงบ เป็นส่วนตัว
 

สถานที่ : Ginger and Café at The House
พิกัด : หน้าซอย 7 ถนนมูลเมือง
โทรศัพท์ : 053-419011
Facebook : Ginger & Kafe

อยากหาร้านอาหารสวยๆนั่ง ทานอาหารไปจิบไวน์ไปภายใต้แสงเทียนและเสียงเกากีตาร์คลาสสิคเบาๆจากนักดนตรีมืออาชีพ ต้องแวะมาเช็คอินที่ร้านนี้ ร้านจะมีสองฝั่งด้วยกัน ฝั่งหนึ่งบรรยากาศจะค่อนข้างหรูหราเหมาะกับคนที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ อีกฝั่งบรรยากาศจะค่อนข้างน่ารักสดใส และเป็นกันเองกว่า มีภาพศิลปะและสินค้าแฮนเมดให้เลือกชม เมนูทั้งสองฝั่งมีให้เลือกทั้งอาหารไทย อาหารยุโรป และเบเกอร์รี เครื่องดื่มก็มีทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ เบียร์ ค็อกเทลไปจนถึงไวน์



ภายในร้านตกแต่งเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านสไตล์ยุโรป


ผนังร้านตกแต่งด้วยภาพศิลปะ เบาะผ้า ดอกไม้สดและโคมไฟน่ารักๆ แม้แต่ในถังแช่ไวน์ก็มีกลีบกุหลาบโรยอยู่



ภายในร้านผสมผสานกันทั้งความอ่อนหวาน ความสดใส และความหรูหรา


มีโซนที่ขายสินค้าที่ระลึก และข้าวของเครื่องใช้สีสันสดใส


เสื้อผ้าแฟชั่นที่ต้องเรียกว่าเชียงใหม่สไตล์
 

--------------------

17. ฟินสุโค่ย โอ๊ย! โออิชิ


เมนูอาหารมีหลากหลาย ทั้งเกี๊ยวซ่า พิซซ่าญี่ปุ่น ซาชิมิแซลม่อนและปลาซาบะย่าง

 

สถานที่ :ร้านอาหารญี่ปุ่น แจ่งศรีภูมิ
พิกัด : แจ่งศรีภูมิ
โทรศัพท์ : 082-3836261
Facebook : อาหารญี่ปุ่นแจ่งศรีภูมิ
 

เหลือเชื่อจริงๆว่าในชีวิตนี้จะได้กินอาหารญี่ปุ่นในราคาไม่เกิน 100 บาท เพราะที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแจ่งศรีภูมิใจป้ำขั้นสุด ขอขายอาหารญี่ปุ่นในราคาเพียงอย่างละ 35 บาท 3 อย่าง 100 บาทเท่านั้น เมนูอาหารมีทั้งข้าวราดแกงกะหรี่ไก่ ปลาซาบะย่างซอสเทอริยากิหอมๆ พิซซ่าญี่ปุ่น เห็ดเข็มทองพันเบค่อนที่ใช้เบค่อนอย่างดี เกี๊ยวซ่าที่ไส้ในถึงเครื่องถึงรส นอกจากนี้ก็ยังมีปลาแซลม่อนคัดเกรดพิเศษกับวาซาบิสด เสิร์ฟในราคาชุดละ 80 บาทเท่านั้น ซึ่งคุณภาพของเนื้อปลาไม่ได้ต่างจากร้านที่ขายราคา 200-300 บาทเลยสักนี้ดส์
 


เชฟมือฉมังผู้ปรุงอาหารให้เรากิน คนกลางคือเชฟเจ้าของร้านซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นใน central world มาก่อน

 

--------------------

18. เปิดใจ - เปิดประตูมิตรภาพ


คนเยอะจนล้นออกมาหน้าร้านทุกคืน

 

สถานที่ :North Gate Jazz
พิกัด : ประตูเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 081-7655246
Facebook : North Gate Jazz Co-Op

บรรยากาศเย็นย่ำค่ำมืดแบบนี้ เสียงเพลงแจ๊สดังลอยมาตามลมที่ประตูเชียงใหม่ เมื่อเหล่านักเดินทางหลากหลายชนชาติต่างพร้อมเพรียงกันมาที่นี่โดยไม่ได้นัดหมาย จะเรียกว่าเป็นประตูแห่งมิตรภาพอีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ก็ว่าได้ เพราะแม้จะมาจากต่างที่ มีภาษาแม่คนละภาษาทว่าหลายๆคนกลับคุยกันถูกคอได้ตลอดคืน โดยมีดนตรีแจ๊สและศิลปะบนผนังร้านเป็นจุดเชื่อมโยง ส่วนราคาที่หลายๆคนอาจจะเป็นกังวลเพราะเห็นชาวต่างชาติใช้บริการเยอะนั้น ขอบอกว่าหายห่วงเพราะราคาเครื่องดื่มของที่นี่ก็ไม่แพง มาตรฐานเดียวกับบาร์ทั่วไป และถ้าใครพอจะมีฝีไม้ลายมือในทางดนตรีแจ๊สอยู่บ้าง สามารถขอร่วมแจมได้ด้วย
 


มือกีตาร์เท่ห์สุดๆ


ซ้ายสุดมือแซกโซโฟนคือเจ้าของร้าน โปรดสังเกตผนังร้านด้วยว่าดิบได้ใจ

 

--------------------

19. อ้อมกอดนี้ พี่มีไว้แจก


สันติภาพไร้พรมแดน

 

พิกัด :สวนสาธารณะหนองบวกหาด / ประตูท่าแพ และรอบคูเมือง

หากใครเห็นชายผมเผ้ารุงรัง หนวดเครายาวเฟื้อยมีพาหนะคู่ใจเป็นจักรยานสามล้อสำหรับคนพิการที่ปั่นไปรอบๆคูเมือง อย่าเพิ่งตั้งท่ารังเกียจหรือคิดว่าเขาเป็นคนเก็บของเก่าขาย เพราะแท้ที่จริงผู้ชายคนนี้คือชาวอิตาเลียนที่พร้อมแจกอ้อมกอดของเขาฟรีสำหรับทุกคน เขามาเพราะอุดมการณ์ที่อาจดูไร้เหตุผลในสายตาคนอื่น แต่คนๆหนึ่งก็กำลังแสดงออกว่าเขายืนหยัดอยู่ข้างสันติภาพ ใครจะรู้ว่าในวันที่คนบางคนทุกข์ใจที่สุดและคิดว่าโลกนี้ไม่เหลือใคร อ้อมกอดของชายแปลกหน้าและคำอวยพรอาจเป็นคำปลอบใจที่ดีที่สุดก็ได้

 

--------------------------

20. เส้นทางสายไหม ชวนไปฟิตร่างกาย



ชาวต่างชาตินิยมเช่าจักรยานมาปั่นมาก ได้ออกกำลังกายไปด้วยในตัว

 

พิกัด :รอบคูเมือง

สวรรค์สำหรับนักวิ่งนักปั่นนักเดินที่บางคนอาจยังไม่รู้ว่าเส้นทางรอบคูเมืองคือที่ที่เหมาะสมที่สุดอีกแห่งสำหรับออกกำลังกาย หากใครกำลังเบื่อลู่วิ่งในสนามแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาออกกำลังกายไปด้วยชมนกชมไม้และวิถีชีวิตของผู้คนไปด้วยก็น่าสนใจไม่น้อย แถมตลอดทางยังมีเก้าอี้ให้นั่งพักเป็นระยะๆอีกด้วย โดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงค่ำถือว่าเป็นช่วงไพรม์ไทม์เลยล่ะ

 


ที่นั่งพักมีตลอดเส้นทาง

 

--------------------------
 

จบทริปแล้วกับการเดินรอบคูเมืองด้านใน เพื่อค้นหาบางสิ่งจนพบ 19+1 สิ่งThings to do วนรอบคู ดูริมคือ ความจริงยังมีสถานที่และประสบการณ์ที่น่าสนใจอีกมากที่เรายังไม่ได้ลอง รวมถึงการเดินผ่ากลางถนนคูเมืองรอบในที่สามารถเดินซอกแซกทะลุถึงกันได้ทุกซอยด้วย แต่แค่นี้เจ๋งก็พอจะเข้าใจแล้วแหละว่าทำไมนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงชอบเดินรอบคูเมืองกันนัก เพราะมันมีเสน่ห์ตรงที่เราไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะได้เจอกับอะไร แต่เมื่อลงจากรถมาสัมผัสถึงจะรู้จักกับประสบการณ์ใหม่ๆที่ยังไม่เคยมี วันนั้นเราจะรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผู้ค้นพบทวีปใหม่เลยล่ะ

 

 
ท่านใดมีที่กิน ที่เที่ยว ที่พักหรือประสบการณ์น่าสนใจริมคูเมืองรอบใน แนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

 




 

ชุมทางมหัศจรรย์สัตว์เอ๊ยยย รวม 12 พันธุ์สัตว์โลกเส้นทางสายแม่ริม

$
0
0

 

 

 

สำหรับใครที่เคยมาเที่ยวอำเภอแม่ริม คงจะติดใจแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติหลายแห่ง เพราะมีมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นไร่สตรอว์เบอร์รี น้ำตก ภูเขา และป่าไม้ แต่สิ่งที่เราค้นพบและรวบรวมมานั้นกลับเปิดเผยสิ่งมหัศจรรย์บนเส้นทางสายแม่ริมอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ชุมทางสัตว์ เพราะถนนทั้งสายเต็มไปด้วยสถานที่เลี้ยงและ เพาะพันธุ์สัตว์นานาชนิดที่เปิดให้คนเข้าชม แถมยังตั้งติดๆกันแบบหายใจรดต้นคอ สำหรับคนรักสัตว์ การเดินทางมาที่นี่เพียงที่เดียว อาจทำให้มีประสบการณ์ตามองตากับสัตว์มากถึง 12 ชนิด จะมีตัวอะไรอะไรที่รอชาวโลกอย่างเราอยู่ที่แม่ริม ไปดูกันเลยดีกว่า!

 

------------------

 

1.เสือ

แค่มองคงไม่พอ งานนี้น้องขอได้สัมผัส

 

ภาพจาก Tiger Kingdom Chiangmai

 

สถานที่ : คุ้มเสือ Tiger Kingdom

พิกัด :ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 9.00 – 18.00 น.

โทรศัพท์ : 053-299363 / 053-860704

Website :www.tigerkingdom.com

Facebook :Tiger Kingdom Chiangmai

 

ใครเลยจะคิดว่าในชีวิตของคนหนึ่งๆจะสามารถเข้าไปสัมผัสแนบเนื้อกับราชานักล่า ซึ่งเป็น 1 ในสัตว์ “Big 5” ของไทยอย่างเสือโคร่งได้ แต่ที่ คุ้มเสือ Tiger Kingdom” นั้น นอกจากจะเพาะพันธุ์เสือโคร่งอินโดจีน ซึ่งมีจำนวนประชากรในธรรมชาติเหลือน้อยลงทุกที ยังเปิดให้ผู้คนได้เข้าไปสัมผัสและถ่ายรูปร่วมกับเสือได้ เรียกว่าแหกกฎความกลัวเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องกัวลไป เพราะเสือที่นี่คุ้นเคยกับมนุษย์ตั้งแต่ลืมตาดูโลก เห็นหน้าคนก็นึกว่าเป็นแม่ของตัวเองไปซะแล้ว ที่นี่มีเสือถึง 4 โซนให้เราได้เข้าไปเลือกชมและถ่ายรูป กำหนดเวลาประมาณ 10-20 นาที เริ่มตั้งแต่โซน Smallest เสือน้อยวัยเบบี๋ (2 – 4 เดือน), Small (5 – 10 เดือน), Medium (11 – 15 เดือน) และ Big Cat (16 – 36 เดือน)     

 

จากเสือโคร่งน่ากลัวก็กลายเป็นเหมือนลูกแมวเชื่องๆได้เลย

ภาพจาก Tiger Kingdom Chiangmai

 

ผมก็ว่ายน้ำเป็นนะ

ภาพจาก Tiger Kingdom Chiangmai

 

โดยปกติเสือสามารถนอนหลับได้ทั้งวันเลย ไม่ได้โดนวางยาอย่างที่ใครๆเข้าใจนะ

ภาพจาก Tiger Kingdom Chiangmai

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงทางแยกน้ำตกแม่สาด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม - สะเมิง) ตรงไปประมาณ 200 เมตร ให้ข้ามสะพานแล้วเลี้ยวขวาเลียบคลองชลประทานตรงไปอีก 800 เมตร ก็จะถึงคุ้มเสือ

รถโดยสารประจำทาง : ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก จากนั้นลงรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม สามารถเหมารถพ่วงรับจ้างให้ไปส่งได้

 

------------------

 

2. ช้าง

ร่างใหญ่ใจดี ให้เราขี่ไปท่องป่า

 

กิจกรรม"นั่งช้าง"เที่ยวชมป่าที่อุดมสมบูรณ์
ภาพจาก
Maesa Elephant Camp ปางช้างแม่สา

 

สถานที่ : ปางช้างแม่สา

พิกัด :ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 8.00 – 14.00 น.

โทรศัพท์ : 053-206247 / 053-206248

Website : www.maesaelephantcamp.com

Facebook :Maesa Elephant Camp ปางช้างแม่สา

 

มาถึงสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่มีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยเรามาช้านาน ทว่าปัจจุบันน้อยครั้งนักที่เราจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับช้างมากไปกว่าการดูตามสวนสัตว์ หรือตามข้างถนนที่ควาญเอามาเร่ร่อน (แน่นอนว่าอย่างหลังเราไม่สนับสนุน) แต่ที่แม่ริมนี้เองกลับมีปางช้างใหญ่อยู่ไม่น้อยกว่า 3 ปาง ที่เปิดให้คนได้เข้าชมช้างกลางธรรมชาติของป่าใหญ่ ได้แก่ ปางช้างแม่สา ปางช้างแม่ตะมาน และปางช้างโป่งแยง  ซึ่งที่ปางช้างแม่สาเราจะได้ชมการแสดงจากช้าง (เช่น ช้างเตะฟุตบอล, ช้างวาดรูป, ช้างปาเป้า, โชว์ช้างอาบน้ำ) การนั่งช้างชมป่า และโปรแกรมบ้านควาญช้าง ซึ่งอย่างหลังนี้มีระยะเวลา 1 วัน, 2 วัน และ 3 วัน โดยเราจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของช้างและฝึกหัดเป็นควาญช้าง ตั้งแต่การดูแลไปจนถึงการออกคำสั่งเบื้องต้น นอกจากนั้นที่นี่ยังมีโซนบ้านพักสำหรับช้างชรา ที่ไม่สามารถทำงานได้แล้ว เพื่อให้ช้างได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบั้นปลายอีกด้วย

 

 

ภาพซ้าย - นักท่องเที่ยวกำลังเรียนรู้หลักสูตรควาญช้าง / ภาพขวา - จำได้ไหมใครเอ่ย? เจมส์ จิรายุก็เคยมาเที่ยวที่นี่นะ

ภาพจาก Maesa Elephant Camp ปางช้างแม่สา

 

ความรัก ความผูกพันธ์ระหว่างช้างกับควาญ

ภาพจาก Maesa Elephant Camp ปางช้างแม่สา

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงทางแยกน้ำตกแม่สาด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม - สะเมิง) แล้ววิ่งต่อไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร เลยทางเข้าน้ำตกแม่สาไปจะพบกับปางช้างอยู่ทางซ้ายมือ

รถโดยสารประจำทาง :ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก จากนั้นลงรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม สามารถเหมารถพ่วงรับจ้างไปได้

 

------------------

 

3. ควาย

จิบกาแฟ แลดูควาย วันสบายๆที่คาเฟ่

 

"สู่ขอ"ขวัญใจของทุกคนที่มาที่ร้าน

 

สถานที่ : Snowbuff Coffee

พิกัด :ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 9.30 – 18.30 น.

โทรศัพท์ : 091-8565675

Facebook :Snowbuff Coffee

 

บางทีสัตว์ก็ไม่จำเป็นต้องเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์เสมอไป และที่ Snowbuff Coffee ได้พิสูจน์ความเชื่อนี้แล้วด้วยการไถ่ชีวิตควายทั้ง 4 ตัวจากโรงฆ่าสัตว์ แล้วนำมากินหญ้าโชว์ให้คนดูซะเลย โดยควายทั้ง 4 นั้นคือ สู่ขอ (ควายเผือกตัวผู้ขวัญใจทุกคนที่มาเยือน) สู่ขวัญ (ควายตัวเมียนัยน์ตาหวาน) สุขสันต์ (ควายเด็กอายุน้อยที่สุด) และบุญรอด (ควายผู้เฒ่าสูงวัย แถมมีเขายาวที่สุด) ซึ่งด้วยเหตุความน่ารักของน้องควายที่ดึงดูดใจผู้พบเห็น จนคนที่ผ่านไปมาต้องหยุดแวะทักทายนี้เอง เจ้าของร้านจึงเกิดไอเดียเปิดคาเฟ่จิบกาแฟชมควายขึ้นจนถึงปัจจุบัน

 

 

"สู่ขอ"และ "สู่ขวัญ"กำลังเล็มหญ้าโชว์พอดี

 

บรรยากาศภายในร้าน อยากมองเห็นควายชัดๆ เลือกที่นั่งเองได้เลย

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว : จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงทางแยกน้ำตกแม่สาด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม - สะเมิง) ตรงไปประมาณ 200 เมตร ให้ข้ามสะพานแล้วเลี้ยวขวาเลียบคลองชลประทานตรงไป ร้านจะอยู่ก่อนถึงคุ้มเสือ

รถโดยสารประจำทาง :ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก จากนั้นลงรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม จะสามารถเหมารถพ่วงรับจ้างไปได้

 

­------------------

 

4. ม้า

องอาจบนอาชา งามสง่าเมื่อได้ใกล้ชิด

 

ภาพจาก กองพันสัตว์ต่าง(ค่ายตากสิน)

 

สถานที่ : ชมรมนักขี่ม้ากองพันสัตว์ต่าง

พิกัด :กองพันสัตว์ต่าง(ค่ายตากสิน) ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : จันทร์ - อังคาร , พฤหัสบดี - ศุกร์ 17.00 – 18.00 น. และเสาร์ - อาทิตย์ 8.00 - 9.00 น. / 17.00 – 18.00 น.

โทรศัพท์ : 053-120070

Facebook :กองพันสัตว์ต่าง(ค่ายตากสิน)

 

เห็นในละครหลายๆเรื่อง แล้วอยากจะลองบังคับม้าให้วิ่งไปในทุ่งกว้างบ้าง แต่หนักใจว่าขี่ม้าไม่เป็น ถ้าอย่างนั้นเห็นจะต้องแวะมาที่กองพันสัตว์ต่าง (ค่ายตากสิน) เพราะที่นี่เค้ามีชมรม “นักขี่ม้ากองพันสัตว์ต่าง” ซึ่งพร้อมจะให้ประชาชนเข้าไปทดลองขี่ม้า หรือจะเรียนอย่างจริงจังถึงขั้นไปแข่งขันในรายการกีฬาระดับประเทศเลยก็ได้ ค่าสมัครรายปีเพียงปีละ 3,000 บาท หากเป็นขาจร เสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 200 บาท โดยมีค่าครูฝึกสอนเพียง 50 บาทเท่านั้น

 

สมาชิกชมรม"ขี่ม้ากองพันสัตว์ต่าง"กำลังควบม้าด้วยความชำนาญ

ภาพจาก ชมรมขี่ม้ากองพันสัตว์ต่าง

 

เวลานั่งบนหลังม้า ทุกคนดูสง่างามจริงๆ

ภาพจาก ชมรมขี่ม้ากองพันสัตว์ต่าง

 

สถานที่ :ชมรมขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3

พิกัด : ตำบลแม่สา อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 8.00 - 17.00 น.

โทรศัพท์ : 053-299922

Website : http://www.govesite.com

 

อาจจะเป็นเพราะที่นี่คือกองพันสัตว์ จึงมีชมรมขี่ม้าที่พร้อมให้บริการประชาชนอยู่หลายชมรม โดยชมรมขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3 นี้มีจุดเด่นคือ กำลังจะขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งท่องเที่ยวในหน่วยทหาร ซึ่งนอกจากจะมีการสอนขี่ม้าแล้ว ก็ยังมีโปรแกรมขี่ม้าชมไพรที่เหมาะสมกับคนที่ชำนาญในการขี่ม้าพอสมควรด้วย โดยค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับระยะทางและเสบียงอาหารที่ทางชมรมต้องเตรียมให้ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 500 บาทเท่านั้น

 

การขี่ม้าจะช่วยฝึกสมาธิและพัฒนาการด้านจิตใจให้เด็กได้เป็นอย่างดี

ภาพจาก ชมรมขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3

 

หรือจะให้อาหารม้าด้วยก็ได้นะ เป็นกิจกรรมครอบครัวที่ไม่ควรพลาด

ภาพจาก ชมรมขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ตรงไปเรื่อยๆจนถึงสี่แยกกองพันสัตว์ต่าง สังเกตซ้ายมือจะเห็นประตูทางเข้ากองพัน

รถโดยสารประจำทาง :ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก รถจะผ่านหน้ากองพันสัตว์ต่างพอดี

 

­------------------

 

5. ล่อ

เรียนรู้วิถีรบ แบบฉบับทหารไทย

 

การใช้ล่อในปฎิบัติการทางทหารในพื้นที่ทุรกันดาร

ภาพจาก กองพันสัตว์ต่าง(ค่ายตากสิน)

 

สถานที่ : ชมรมนักขี่ม้ากองพันสัตว์ต่าง

พิกัด :กองพันสัตว์ต่าง(ค่ายตากสิน) ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : จันทร์ - อังคาร , พฤหัสบดี - ศุกร์ 17.00 – 18.00 น. และเสาร์ - อาทิตย์ 8.00 - 9.00 น. / 17.00 – 18.00 น.

โทรศัพท์ : 053-120070

Facebook :กองพันสัตว์ต่าง(ค่ายตากสิน)

 

ล่อเป็นลูกครึ่งระหว่างม้าตัวเมียและลาตัวผู้ มักถูกนำมาใช้ในการขนของในถิ่นทุรกันดาร เพราะมีความอดทน มีเท้าที่มั่นคง และมีอายุยืนกว่าม้า ซึ่งภายในกองพันสัตว์ต่างก็เพาะเลี้ยงล่อไว้เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจทางการทหารในถิ่นทุรกันดารด้วย เช่น การคอยสนับสนุนเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ เสบียง หรือแม้แต่การลำเลียงทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบออกมารักษาพยาบาล ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่ายังมีหน่วยสนับสนุนการรบลักษณะนี้อยู่ที่กองพันจึงมีการโชว์ล่อ เพื่อเป็นวิทยาทานความรู้ให้กับประชาชนด้วย สำหรับผู้สนใจต้องติดต่อจองเวลาเข้าชมล่วงหน้า

 

การแสดงโชว์ความแสนรู้ในการปฎิบัติภารกิจของล่อ

ภาพจาก กองพันสัตว์ต่าง(ค่ายตากสิน)

 

หน่วยทหารอื่นๆก็มาศึกษาดูงาน

ภาพจาก กองพันสัตว์ต่าง(ค่ายตากสิน)

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว : จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ตรงไปเรื่อยๆจนถึงสี่แยกกองพันสัตว์ต่าง สังเกตซ้ายมือจะเห็นประตูทางเข้ากองพัน

รถโดยสารประจำทาง :ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก รถจะผ่านหน้ากองพันสัตว์ต่างพอดี

 

­------------------

 

6. แกะ

จับคนมาพบแกะ นัดแนะให้โดยทหาร

 

เด็กๆกำลังสนุกกับการรุมให้อาหารแกะ

ภาพจาก ชมรมขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3

 

สถานที่ : ชมรมขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3

พิกัด :ตำบลแม่สา อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 8.00 - 17.00 น.

โทรศัพท์ : 053-299922

Website : http://www.govesite.com

 

เห็นที่อื่นๆ เขามีฟาร์มแกะให้คนเข้าไปเที่ยวชมกัน ที่แม่ริมก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยเราจะได้เข้าเยี่ยมชมแกะหลายร้อยตัวถึงภายในค่ายทหารเลยทีเดียว นอกจากจะเลี้ยงไว้ในคอกอย่างดีแล้ว บางครั้งทางค่ายก็ปล่อยแกะให้เล็มหญ้าในทุ่งกว้างอย่างอิสระด้วย ในการเข้าชม เราจะได้ให้อาหารและถ่ายรูปร่วมกับแกะ ค่าอาหารแกะเพียงถังละ 100 บาทเท่านั้น ส่วนใครที่อยากจิบกาแฟไป ลูบหัวแกะไป แนะนำอีกหนึ่งที่ คือ Snowbuff Coffeeซึ่งอยู่บนเส้นทางอำเภอแม่ริมเช่นกัน

 

แกะเองก็ไม่กลัวคนเช่นกัน

ภาพจาก ชมรมขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3

 


ส่วนเจ้านี่คือแกะจากร้าน Snowbuff Coffee

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ตรงไปเรื่อยๆจนถึงสี่แยกกองพันสัตว์ต่าง สังเกตซ้ายมือจะเห็นประตูทางเข้ากองพัน

รถโดยสารประจำทาง :ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก รถจะผ่านหน้ากองพันสัตว์ต่างพอดี   

 

­------------------

 

7. จระเข้

ชอบเล่นริมบึง จงพึงระวัง

 

เป็นการแสดงที่น่าหวาดเสียวว่ามือจะหายไปทั้งข้อ

ภาพจาก Maerim Crocodile Show

 

สถานที่ : Farm Crocodile Maerim (Gater Farm)

พิกัด :ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น.

โทรศัพท์ : 053-044299 / 087-1804401

Facebook :Maerim Crocodile Show

 

อีกหนึ่งความหวาดเสียวที่เราจะได้พบบนชุมทางนี้ คือ การแสดงระหว่างคนกับสัตว์นักล่าที่ไม่มีทางเชื่องอย่างจระเข้ ที่สำคัญคือจระเข้ที่ว่านี้เป็นจระเข้บึง (จระเข้น้ำจืด/จระเข้สยาม) ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ แต่ที่ Gater Farm หรือในชื่อใหม่ว่า Farm Crocodile Maerim ได้นำมาเพาะเลี้ยงและจัดแสดงโชว์ เช่น จูบปาก ล้วงคอและมุดหัวจระเข้ รวมถึงการเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้ลงไปถ่ายรูปร่วมกับจระเข้ในบ่อด้วย ใครกล้าก็เชิญลอง แต่เล่นริมบึงแบบนี้ พึงระวังหลังให้ดีล่ะ! เพราะคมเขี้ยวของจระเข้ที่นี่ ยังคงมีคมครบทุกซี่    

 

โชว์มุดหัวจระเข้แบบเท่ห์ๆจากนักแสดง

ภาพจาก Maerim Crocodile Show

 

ใครใจกล้าพอ ก็ลงมาถ่ายรูปเก๋ๆแบบนี้ได้

ภาพจาก Maerim Crocodile Show

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงทางแยกน้ำตกแม่สาด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม - สะเมิง) ถึงวัดน้ำตกแม่สาทางซ้ายมือ จะเห็นฟาร์มอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี

รถโดยสารประจำทาง :ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก จากนั้นลงรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม จะสามารถเหมารถพ่วงรับจ้างไปได้

 

­------------------

 

8. งู

ตื่นเต้นไปไหม เร้าใจจนกรีดร้อง

 

หมองูพยายามจะโชว์จูบ แต่ดูท่าทางเจ้างูน้อยคงไม่เต็มใจ

 

สถานที่ :ฟาร์มงูแม่สา

พิกัด : ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น.

โทรศัพท์ : 053-860719 / 081-472-1566

 

ใครที่เคยกลัวงูมาตลอด เห็นไม่ได้เป็นต้องถอยหนี แต่ ณ เส้นทางสายนี้ คุณจะได้เปิดประสบการณ์เร้าใจด้วยการดูโชว์งูด้วยสายตาตนเองอย่างใกล้ชิดที่ฟาร์มงู ซึ่งมีถึง 3 ฟาร์มให้เราเลือก ทั้งฟาร์มงูจงอาง ฟาร์มงูแม่ริม และฟาร์มงูแม่สา สำหรับฟาร์มงูแม่สา เป็นฟาร์มงูแห่งแรกในเชียงใหม่ มีงูที่นำมาแสดงโชว์ 4 ประเภท 4 รายการ ได้แก่ โชว์จูบและรีดพิษงูเห่า, โชว์จับงูเหลือมยักษ์ น้ำหนักมากกว่า 18 กิโลกรัม, โชว์จับงูสิงห์ซึ่งเลื้อยคลานอย่างรวดเร็ว 3 ตัวพร้อมๆกัน และโชว์จับงูกระโดดหรืองูทางมะพร้าว ซึ่งกระโดดได้ไกล 1-2 เมตร ไม่เพียงแต่ความตื่นเต้นจากการโชว์ที่จะทำให้คนดูอกสั่นขวัญหาย แต่ระหว่างเรากับงู จะไม่มีสิ่งใดขวางกั้นเลย ยกเว้นสองมือและประสบการณ์ของหมองูเท่านั้นที่จะคอยป้องกันไว้ บอกเลยว่าเสียวเว่อร์!

 

หมองูกำลังโชว์งูเห่าที่แผ่แม่เบี้ยพร้อมฉก

 

เอ้ะ ! ที่โชว์ๆมานี่พิษยังเต็มร้อย แต่เพิ่งมารีดพิษให้ดูกันสดๆ

 

ฟาร์มงูแม่สาเป็นศูนย์การเรียนรู้ใหญ่เกี่ยวกับงู ดังนั้นเราจะพบขวดโหลดองซากงูจำนวนมากด้วย

 

ที่นี่ยังมีสวนงูที่เราสามารถเดินเที่ยวชมได้หลังการแสดงจบ ส่วนตัวนี้คือจงอางความยาวร่วม 3 เมตรที่หมองูเปิดกรงให้เราเข้าไปแชะภาพใกล้ๆ

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงทางแยกน้ำตกแม่สาด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม - สะเมิง) ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 3 จึงถึงที่หมาย โดยจะเห็นป้ายฟาร์มงูแม่สาขนาดใหญ่ด้านขวามือ

รถโดยสารประจำทาง :ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก จากนั้นลงรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม จะสามารถเหมารถพ่วงรับจ้างไปได้

 

­------------------

 

9. ลิง

แสนรู้แบบไม่กั๊ก ลิงจั๊กๆน่ารักจริงๆ

 

เห็นนั่งคอยแบบนี้ ก็เตรียมให้อาหารได้เลย ลิงที่นี่กินได้ทั้งวัน

 

สถานที่ :โรงเรียนลิง

พิกัด :ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 9.00 – 16.00 น.

โทรศัพท์ : 053-04428

Website : www.monkeyschoolthailand.com

 

โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็กๆก็ไม่ซุกซน เอ้ย! ซนแน่นอน ถ้าเป็นเด็กๆที่โรงเรียนลิงแห่งนี้ เพราะนักเรียนทั้งหมดคือลิงกังที่มีอุปนิสัยซุกซน แต่เป็นที่นิยมในการนำมาฝึกทำตามคำสั่ง โดยเฉพาะการปีนเก็บลูกมะพร้าวในแถบภาคใต้ โดยลิงที่โรงเรียนลิงแห่งนี้ ไม่ได้ชำนาญแค่การเก็บลูกมะพร้าวเท่านั้น ภายในระยะเวลาทำการแสดง 20 นาทีนั้น เราจะได้เห็นลิงเตะบอล เก๊กท่าถ่ายรูป จดจำเลขและบวกเลข ยกดัมเบล ชูตบาสเก็ตบอล ปั่นจักรยาน และดำน้ำเก็บของ รวมถึงการแสดงความสามารถด้านอื่นๆอีกมากมาย จบการแสดงแล้วเราจะไปเดินดูและให้อาหารลิงด้วยก็ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีศูนย์ฝึกลิง (Monkey Centre) ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนักและมีการแสดงโชว์ที่คล้ายกันให้เราได้ไปเที่ยวอีกแห่งด้วย

 

โชว์จดจำและบวกลบเลข นักท่องเที่ยวต่างชาติทึ่งมาก

 

ฟิตร่างกายกันหน่อย ให้รู้ว่ายกดัมเบลก็ได้

 

เจ้าโอเลี้ยง ลิงน้อยวัย 4 เดือนที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปขอป้อนนมได้

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงทางแยกน้ำตกแม่สาด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม - สะเมิง) ตรงไปประมาณ 5 กิโลเมตร เลยปั๊มน้ำมัน PT ไปเล็กน้อย จะเห็นป้ายโรงเรียนลิงด้านขวามือ ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยไป จึงถึงที่หมาย

รถโดยสารประจำทาง : ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก จากนั้นลงรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม จะสามารถเหมารถพ่วงรับจ้างไปได้

 

------------------

 

10. นก

ดักรอเธอที่กลางป่า

 

นกป่ากำลังตั้งหน้าตั้งตากินลูกไม้

ภาพจาก Narong Wesnarat Lonesome Dove นักถ่ายภาพนกมืออาชีพ

 

สถานที่ :อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

พิกัด :ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น.

โทรศัพท์ : 053-121119

Website : www.hueytuengtao.com

 

แม่ริมถือว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักดูนกอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือกเดินทั้งในพื้นราบและบนดอยสูง โดยเราจะได้พบกับนกหายากที่มีความสวยงามนานาพันธุ์ เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าและสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติต์ เป็นต้น สำหรับเส้นทางอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่านั้น คือพื้นที่ใกล้เมืองที่มีแอ่งน้ำและป่าที่อุดมสมบูรณ์ จึงกลายเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของนกนานาชนิดนั่นเอง ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด

 

สีสันสดใสจริงๆ

ภาพจาก Narong Wesnarat Lonesome Dove นักถ่ายภาพนกมืออาชีพ

 

นกที่หากินอยู่ริมแหล่งน้ำ

ภาพจาก Narong Wesnarat Lonesome Dove นักถ่ายภาพนกมืออาชีพ

 

นกเขียวก้านตองบนยอดไม้

ภาพจาก Fooarnan Chairat

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่: ใช้ถนนคันคลองชลประทาน ตรงมาทางสนามกีฬา 700 ปี จะผ่านโรงเรียนนวมินทราชูทิศและสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ แล้วเลี้ยวซ้ายข้ามสะพาน ขับตรงไปอีก 500 เมตร จะถึงอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

 

------------------

 

11. แมลง

ละลานตาสัตว์ไร้กระดูก ณ อาณาจักรแมลง

 

Hierodula sp. และอาหารเช้า

ภาพจาก Siam insect zoo

 

สถานที่ : พิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์แมลงสยามSiam Insect Zoo & Museum

พิกัด :ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น.

โทรศัพท์ : 053-860807 / 089-184-8475

Website : http://www.siaminsectzoo.com

Facebook :Siam insect zoo

 

โลกของแมลงยังคงลึกลับและมีสิ่งมหัศจรรย์ให้คนเราค้นพบได้ตลอด การศึกษาเรื่องแมลงจึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่หลายคนคลั่งไคล้ และสถานที่ห้ามพลาดสำหรับคนรักแมลงที่แม่ริมก็คือ พิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์แมลงสยาม ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมแมลงชนิดต่างๆจากทั่วโลก โดยสะสมมานานมากกว่า 30 ปี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงให้เราได้ศึกษาวงจรชีวิตของแมลงขณะที่ยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย เช่น ด้วงปีกแข็ง ตั๊กแตนกิ่งไม้ ตั๊กแตนใบไม้ ตั๊กแตนกล้วยไม้ ผีเสื้อ แมลงปอ มด ต่อ แตน กิ่งกือ แมงมุมยักษ์ และแมงป่องยักษ์ เป็นต้น เด็ดกว่านั้นคือที่นี่ได้มีการค้นพบผีเสื้อ หนอนและด้วงชนิดใหม่เป็นครั้งแรกในโลกอีกด้วย

 

ด้านในมีฟาร์มผีเสื้อสวยๆด้วย ตัวนี้คือผีเสื้อถุงทอง

ภาพจาก Siam insect zoo

 

ลูกแมงมุมยักษ์พาราไฮบาน่า อายุ 9 เดือน

ภาพจาก Siam insect zoo

 

แมงป่องที่หางอ้วนหนาที่สุด มีพิษร้ายแรงมาก

ภาพจาก Siam insect zoo

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงทางแยกน้ำตกแม่สาด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม - สะเมิง) ตรงไปประมาณ 5 กิโลเมตร เลยปั๊มน้ำมัน PT ไปเล็กน้อย จะเห็นป้าย”พิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์แมลงสยาม” หรือ “Siam Insect Zoo & Museum” อย่างชัดเจน

รถโดยสารประจำทาง :ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก จากนั้นลงรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม จะสามารถเหมารถพ่วงรับจ้างไปได้

 

------------------

 

12. กระต่าย

บ่ายๆมาผ่อนคลาย มองตากระต่ายให้รื่นรมย์

 

สมาชิกกระต่ายของร้าน Snowbuff Coffee

ภาพจาก Snowbuff Coffee

 

สถานที่ : Snowbuff Coffee

พิกัด : ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม

เวลาทำการ : 9.30 – 18.30 น.

โทรศัพท์ : 091-8565675

Facebook :Snowbuff Coffee

 

มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว สัตว์ที่เรานำมาแนะนำ ก็คือเจ้ากระต่ายขนปุย ขวัญใจสาวๆและเด็กๆหลายคน ซึ่งในเส้นทางอำเภอแม่ริมนี้ มีสถานที่เพาะเลี้ยงกระต่ายและจัดแสดงให้คนได้เข้าชมอยู่หลายที่เลยทีเดียว แม้แต่ภายในฟาร์มงูก็ยังมี แต่ในเมื่อเป็นสัตว์น่ารักๆ เราก็ขอแนะนำสถานที่น่ารักๆที่เข้ากัน จะเป็นที่ไหนไม่ได้ถ้าไม่ใช่ที่ Snowbuff Coffee ซึ่งที่นี่เขาก็เอาใจคนรักกระต่าย เพราะไม่เพียงให้ดูแค่ตา แต่ยังอนุญาตให้มีโอกาสได้สัมผัสและให้อาหารกระต่ายด้วยเช่นกัน   

 

ลูกกระต่ายแรกเกิดที่น่าทนุถนอม

ภาพจาก Snowbuff Coffee

 

 

การเดินทาง

รถส่วนตัว :จากเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข  107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงทางแยกน้ำตกแม่สาด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม - สะเมิง) ตรงไปประมาณ 200 เมตร ให้ข้ามสะพานแล้วเลี้ยวขวาเลียบคลองชลประทานตรงไป ร้านจะอยู่ก่อนถึงคุ้มเสือ

รถโดยสารประจำทาง : ขึ้นรถเหลืองแม่ริมได้ 2 ที่ คือคิวรถกาดหลวงและคิวรถประตูช้างเผือก จากนั้นลงรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริม จะสามารถเหมารถพ่วงรับจ้างไปได้

 

------------------

 

ในครั้งนี้เราคัดเลือกสัตว์มา 12 ชนิด ซึ่งมีทั้งสัตว์นักล่า สัตว์กินพืช สัตว์ใช้งาน สัตว์ป่าและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง แต่ความจริงแล้ว ในชุมทางสารพัดอย่างอำเภอแม่ริมนั้น ยังมีสัตว์อีกหลากหลายชนิดให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม เช่น ฟาร์มผีเสื้อ ซึ่งมีอยู่ตลอด 2 ฝั่งถนนแม่ริม - สะเมิง เป็นต้น



 

ท่านใดมีสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับสัตว์เส้นแม่ริมเจ๋งๆ แนะนำเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที


 


เชียงใหม่ เป๋าสองใบ มอไซค์ กับใจสองดวง

$
0
0

 

แฮร่!! มาอีกแล้ว ขอบอกไว้ก่อน ดอกจันทร์ตัวโตๆ
กระทุ้นี้มิใช่กระทู้อวดผู้ชาย แต่อย่างใด กระทู้นี้อวดเที่ยว!
ทริปนี้เป็นทริป 4วัน3คืน งบไม่มีแต่ไม่มาก ไม่มีรถยนตร์ส่วนตัวค่ะ

 
*คำเตือน.. ในกระทุ้นี้มีทั้ง..
1. ภาษาวิบัติ (เพื่ออรรถรสในการเดินทาง)
2. รูปวิวและรูปคู่ (ถ่ายทุกอย่างที่เป็นความทรงจำ)
3. คำสบถเบาๆ (เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ตอนนั้น)
4. บรรยายเยอะมาก (รายระเอียดต่างๆทุกอย่างที่จำได้)
5. ความรักของสองเราเอง หากผู้รับชมท่านใด ไม่ชอบในสิ่งเหล่านี้ สามารถข้ามไปได้เลย**
 
 
Day 1 
แผนแรกเราคือพอเราถึงเชียงใหม่เช้าตรู่วันจันทร์ปุ๊บ เดินทางขึ้นดอย นอนบนดอย ดื่มด่ำบรรยากาศ แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการทำงานมาทั้งอาทิตย์ พอถึงเชียงใหม่ปุ๊บ สังขารวัยทำงานตอนต้นของสองนางไม่น่าไหวแน่ๆ การขึ้นดอยจึงได้ถูกพับเก็บไว้แค่นั้น เอาละไงทีนี้ เชียงใหม่ก็ถึงแล้วที่พักไม่ได้จอง ก็หาเลยละกัน เราเปิดแอพละหาไปเรื่อยๆ จนไปได้ที่พักที่นึง
เราออกเดินทางจากสนามบินโดยใช้วิธีการเรียน Grab taxiและพบว่ามันถูกกว่าเดินทางโดยวิธีอื่นๆ เราเดินทางจากสนามบินไปที่คูเมือง เสียค่าเดินทางไปทั้งหมดร่วม 130บาท (ค่าเรียก 50บาท) ค่าเรียกแทกซี่ในสนามบินเป็นแบบเหมาจ่ายก็ 150 บาทแล้ว
 
ในสนามบินมีร้าน Rare item อยู่นั่นคือร้านโครงการหลวงดอยคำ อย่าลืมแวะซื้อสตรอเบอรี่ในนั้น สตรอเบอรี่ของที่นี่ดีงามพระรามสามมากๆ ราคากล่องละ 100บาท มีสตรอเบอรี่มาให้สองชั้น มีแค่ช่วงหน้าหนาวด้วยนะ เคยครั้งนึงมาถึงตอนบ่ายๆ ก็ไม่มีขายแล้ว ดังนั้นอย่าลืมแวะซื้อก่อนออกจากสนามบิน
 
 
 
และแล้วเราก็ได้ที่พักแล้วจ้าที่นี่ชื่อ "Sleep Guesthouse"อยู่ในเส้นคูเมือง เปิด google mapก็หาเจอ อยู่ตรงถนนมูลเมืองซอย 7 จุดสังเกตุง่ายๆ จะมีรูปภาพกราฟฟิกแบบที่ฝรั่งกำลังเพ้นท์อยู่ เจ้าของที่นี่น่ารักมากๆ ตอนโทรถามคุยตอบดีมาก แถมยังใจดีอีกให้เช็คอินก่อนเที่ยงด้วยที่เราเลือกที่นี่เพราะเราเปิดดูจาก TripAdvisorได้คะแนนระดับดีมากเลย พอมาถึงไม่ผิดหวังจริงๆ พอมาถึงที่นี่ เราก็เก็บของ ล้มตัวนอนหลับเป็นตายละตื่นมาอีกทีตอนเย็น เอาเป็นว่ามาดูที่พักกันก่อนเลย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ราคา 1,090 บาทต่อคืนสำหรับห้องสองคน และที่นี่ยังมีแบบเป็น Dorm ด้วยนะ
 
พอเราตื่อนกันปุ๊บ ท้องก็ร้องปั๊บ ลงมาที่ล็อบบี้ ถามพี่เจ้าของเกสเฮ้าส์หาที่เช่ามอเตอร์ไซค์ ได้วันละ 220 บาท ค่ามัดจำ 2,000บาท สักพัก พี่ร้านเช่ารถก็เข็นรถมาให้ เราเลยถามพี่เค้าว่าอะไรแถวนี้อร่อย อยากได้ที่มันแบบพื้นบ้านๆธรรมดาเลย ไม่เอาชื่อดัง ไม่เอาร้านดัง เอาแบบคนท้องถิ่นเค้ากินกัน เค้าคิดแปปนึงแล้วแนะมาว่า ให้เข้าซอยข้างๆไปจะเจอร้านนึง ฝรั่งนั่งเยอะราคาไม่แพง ได้ความดังนั้นเราก็เลยไปตามทางที่พี่เค้าบอก ในใจได้แต่คิดว่า ข้าวซอยพื้นเมืองว้อยยย ช้าวซอยน่องไก่ จะได้กินข้าวซอยแล้ว สักพักก็มาถึงร้านนี้ ชื่อร้าน Blue diamond  เราสองคนรีบพุ่งตัวเข้าไปสั่งไม่ลืมหูลืมตาเพราะหิวมาก พลิกเมนูดูอยู่ 5-6 รอบ หาคำว่าหมูไม่เจอ สรุป ร้านนี้คือร้านมังสวิรัต เลยสั่งข้าวซอยผักมา ผักทอด และข้าวผัดทะเล ผิดเองที่ไม่ยอมดูให้ดีก่อนเข้าร้าน แต่น้ำผลไม้ที่นี่อร่อยดีนะ ราคาไม่แพง รสชาติก็โอเค หายหิวไปมื้อนึง ในร้านจะมีพวกเบเกอรี่และผักผลไม้ต่างๆด้วยน่ากินมาก แต่จุดประสงค์เราคือไปหลายๆที่กินหลายๆแบบ 
 
 
 
 
จากหาอะไรกินกันจนอิ่มแล้ว ก็โทรหาเพื่อน (เรามีเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่อยู่แล้ว ไม่ได้เจอกันนาน) เรา "เห้ย เมริง อยู่ไหนทำไรอะ พาเที่ยวหน่อย "เพื่อน "ฮาอยู่ดอยสุเตพ ฮามาไหว้พระ" เรา "ไปทันปะ" เพื่อน "บะเด่วกี่โมงละ ... ห้าโมงกึ่ง โค๊ะ บ่าต้องมาล้ะ อยู่ตังลุ่มไป กว่าคิงจะขึ้นมา มืดทึ้ม เด๋วฮาลงไปหา" ละก็ว่างสายไป เราก็เอ๋อไปแปปนึง ไปไหนดี เย็นๆแบบนี้ ขับๆไปก่อนละกัน ขับไปจับมาก็เจอ มช. งั้นไปอ่างแก้วละกัน
"อ่างแก้ว มช." พอเรามาถึงที่อ่างแก้ว อากาศเย็นๆ อ่างน้ำสวยๆ บรรยากาศคนรักไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแฟนหรือพ่อแม่ที่มาเดินเล่น ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เราแวะถ่ายรูปตัวเอง ถ่าวรูปคนอื่นกันนิดหน่อย (เพื่อนเราเมื่อกี้นั้นแหละ มันลงมาเจอ)
 
 
 
จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปที่ "ร้านโรตีอะไรสักอย่าง"ขอโทษฮืออ เค้าจำชื่อไม่ได้ โลเคชั่น ขับรถไปตามเส้นหน้ามอเรื่อยๆ ยังไม่ถึงเส้นนิมมานนะ จะเจอเซเว่นอยู่ทางซ้ายมือใกล้ๆกับสามแยกไฟแดง ให้จอดรถแถวนั้นแล้วหันไปทางขวา จะเจอร้านโรตีหอมฉุย ขอแนะนำนี่เลย "โรตีหมักเนย"โอ้พระสงค์! น้ำตาจะไหล อะไรจะหอมหวานมันอร่อยขนาดนี้ ออกกำลังกายอีก5วันก็ยอม ไม่รู้จะอธิบายยังไง เด็ดจริงอะ ต้องลอง
(รูปโรตีหมักเนยคืออันข้างบนนะคะ ขอโทษที่ไม่ทันถ่ายตอนแรก คือมันอร่อยจริงๆ ข้างล่างเป็นโรตีกล้วยชีส)
 
 
 
มาถึงเชียงใหม่ เต็มไปด้วยสีสัน คงจะขาดช่วง Night life ไปไม่ด้าย ร้านนี้ชื่อร้าน "กำไร"ขายเบียร์นอกหลากหลายสไตล์ ถูกและดี อากาศเย็นๆเบียร์อร่อยๆ ดีชะมัด ความฟิน10กระโหลก ร้านนี้ตั้งอยู่เส้นนิมมานแถวซอย 6 อยู่ติดถนนใหญ่ คนเชียงใหม่น่าจะรู้จักดี เป็นร้านขายเบียร์แบบส่ง จะว่ายังไงดีหละ แบบขายของชำที่มีแต่เบียร์ เราสามารถไปซื้อเบียร์แช่เย็นเป็นขวด จะมีที่ให้นั่งกินหน้าร้าน เป็นโต๊ะกลมธรรมดามีเก้าอี้พลาสติกให้นั่ง น้ำแข็งบริการฟรี แต่ถ้าซื้ออาหารข้างนอกเข้ามานั่งกินต้องเสียค่าที่ประมาณ 10-15บาท นั่งอย่างนี้เอาจริงๆ ฟินนะ นั่งไปจนจวนจะเที่ยงคืนได้เลย
 
 
 
ยังไม่จบ อย่าคิดว่าเราจะหยุดกินกันง่ายๆ เวลาก็พอเหมาะพอเจาะ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก "ไก่ทอดเที่ยงคืน" ร้านนี้อยู่ตรงถนนเส้นกำแพงดิน สาขานี้ที่เราไปเป็นสาขาแรกเลย ใครมาเชียงใหม่ต้องห้ามพลาด มีไส้อั่ว สามชั้นทอด กินกับน้ำพริกหนุ่ม กับใข่ต้มจิ้มน้ำปลา ขาวเหนี่ยวร้อนๆ หาความฟิน ที่ไหนไม่ได้อีกแล้วเวลานี้ กินมื้อนี้เสร็จ จึงอำลาตัวไปนอนอืดให้อาหารย่อยในฝันเลย
 
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
Day 2
 
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สดใส(จ่ะเช้ามาก ตื่นก็ปาไปเกือบเที่ยง) ที่พักเรามีอาหารโฮมเมดให้ด้วยนะ แม่พี่เจ้าของที่พักทำให้น่ารักมากๆเลย เติมพลังก่อนจะเช็คเอ้าท์ออกไปที่อื่นกัน
 
 
จากนั้นเก็บของ เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก แอบแวะเดินเล่นแถวที่พักหน่อย เพราะเห็นร้านกาแฟสวยดี ไม่ได้ดีเฉพาะร้านกาแฟนะ บาริสต้าก็ใช้ได้เลย ร้านนี่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่พักพอดี ชื่อร้าน "Cafe Arte Chiang Mai"แอบไปเข้าห้องน้ำละเห็นด้านในเป็นห้องพักด้วยแหละ แต่กลิ่นดีมากเลยที่นี้ บรรยากาศแบบสงบมาก
 
 
 
 
 
 
กินเสร็จหมดก็ถึงเวลาย้ายที่ไปที่พักอีกแห่งหนึ่งแล้วชื่อ "Plern Plern Bed and Bike, Chiang Mai"เป็นที่ที่เราจองไว้ตั้งแต่ที่แรก ที่เราเลือกที่นี่เพราะ คุณพี (เพื่อนในทีมที่ไปเที่ยวเหนือครั้งที่แล้ว) ได้บอกว่ามันเวิร์คมากเพื่อนบอกว่าดีย่อมดี พอมาถึง เออเห้ย เวิร์คจริง คือเป็นที่ที่เข้ามาแล้วรู้สึกเย็นมาก ห้องจัดเป็นสัดส่วน พี่ที่ดูแลชื่อพี่แอ๊ด น่ารักอีกเช่นเคย เราไม่รู้ทางกัน โทรถามพี่เค้าไปสามสี่รอบ เค้าก็ตอบกลับมาอย่างดี (เปิด google map เอาก็ได้) 
 
บริเวณหน้าล้อบบี้มีขนมให้หยิบทานได้ตลอดด้วย ห้องก็น่ารักเป็นสัดส่วน บันไดทางขึ้นเรานึกถึงฟิวแบบปราสาทแฮรี่พอตเตอร์เลย 
 
 
 
 
ในส่วนนี้เป็นของห้องพัก จัดสรรค์อย่างดี เข้าไปฝั่งซ้ายจะเป็นห้องน้ำ
 
เก็บของเรียบร้อบ เพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลา ไปเที่ยวเล่นดีกว่า "ดอยปุย" ใช่ค่ะ เราจะไปดอยปุยด้วยมอเตอร์ไซค์ 
 
 
จริงๆจะไปวัดพระธาตุดอยสุเทพ แล้วอยากเลยไปพระตำหนักภูพิงค์หน่อย แต่พอไปถึงเค้าปิดแล้ว เห็นป้ายดอยปุยเลยลองวิ่งๆตามไปดู ป้ายเขียน 7 กิโล 3 กิโล ในใจก็คิด เออนิดเดี๋ยวก็คงถึง มีแอบแวะจุดชมวิวข้างทางบ้าง
 
 
 
 
ฟ้าสว่างจนเริ่มค่ำ ในที่สุดก็ถึงแล้ว 3 กิโลแม้วจริงๆ กว่าจะถึงปาไปประมาณชั่วโมงสองชั่วโมง พอถึงปุ๊บ เอาน่ามาดอย ก็ใส่ชุดแม้วไปตามระเบียบ
 
 
จริงๆเค้าบอกว่ามีไร่สตรอเบอรี่เล็กๆของชาวดอยด้วย วันนี้เจ้าของไร่ไปทำเกษตรกรรมอย่างอื่น แต่แอบถ่ายรูปมานิดนึง (ในใจเลยนะ คำว่าไร่สตอเบอรี่ภาพมโนในหัวคือ สวน ดูชุ่มฉ่ำ สตรอเบอรี่ห้อยลงมา จริงๆคิดว่ามันเป็นพืนเถาวัลย์ แต่จริงๆก็แบบในภาพอะ มียาวไปอีกห้าหกแถว)
 
ถ้าใครขับมอไซไปไม่แข็งแรงระวังกันด้วยนะคะ แนะว่าให้ไปแต่เช้าจะดีกว่า แต่ระหว่างทาง ด้วยความที่มันธรรมชาติมาก มันมีหิ่งห้อยด้วยแหละ สวยมากบรรยากาศดีมาก ซ้อนมอเตอร์ไซค์แฟนฟินอ่ะ อย่างกะกลับไปคบกันใหม่ละพามาเดท มันถ่ายรูปไว้ไม่ได้ แต่เป็นภาพในความทรงจำที่ดีมากๆเลย พอลงดอยมาก็ทุ่มเกือบสองทุ่มแล้ว ลงมาพี่อมยิ้มก็เหนื่อยมากแล้ว ก็ตัดสินใจ วันนี้พักผ่อนดีดว่า หาหมูกะทะกินแล้วเข้าที่พักนอน
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
 
Day 3
 
ตื่นสายอีกแล้ว ตื่นปุ๊บหิวปั๊บ เลยถามเพื่อนเชียงใหม่ดู อยากกินอาหารเหนือที่ไม่ใช่ร้านดัง แต่เด็ดอร่อย เพื่อนมันแนะมานี่เลย "ร้านไก่ทอดใบมะกรูดตั้งอยู่ตรงเส้นนิมมานเหมินท์ หัวมุมซอย8 ข้างเซเว่นใหญ่ เป็นร้านเพิงๆหน่อย ราคาเป็นกันเองสุดๆ ทั้งโต๊ะกินสองคนหมดประมาณ 200บาทเท่านั้น!! ที่เห็นในนี้จะมี ไก่ทอด น้ำพริกอ่อง ตำขนุน ไส้อั่ว ลาบคั่ว ไข่ต้ม ผักทอดและข้าวเหนียว คุ้มอะไรขนาดนั้น ส่วนรสชาติก็ใช้ได้เลยนะ สมเหตุสมผลสุดๆ
 
 
จากนั้นมองนาฬิกา จะขึ้นดอยสูงๆ ไม่น่าจะทันอีกละ งั้นไปแหล่งยอดฮิตเลยดีกว่า "แกรนแคนยอน" การเดินทางไปก็ง่ายๆเลย เสิร์ชหาข้อมูล Google Mapsขับรถไปตามทาง มองไปตามข้างทาง วิวเชียงใหม่สวยทุกที่เลยจริงๆนะ
 
 
 
เราไปถึงก็เย็นๆละแสงสวยดี ฝรั่งเยอะ งานดีย์อีกแล้ว (ลืมบอก เค้ามีค่าเข้าคนละ50บาท เอาไปแลกน้ำสมุนไพรได้ด้วยนะ)
 
 
 
เราว่านะ ที่นี่แบบ เป็นที่ที่เหมาะมากๆเลยสำหรับการถ่ายรูป เพลิดเพลินบรรยากาศอะไรทำนองนั้นแหละ พูดละก็ขอแช๊ะหน่อย
 
 
พอถ่ายรูปกันเสร็จก็เกือบเย็นละ เข้าเมืองอีกที หิวอีกแล้ว หาที่กินข้าวดีกว่า พี่อมยิ้มเป็นคนชอบกินคั่วไก่มาก ดังนั้นเราก็ต้องไป คั่วไก่นิมมาน & iberry
 
รสชาติโอเค มื้อนี้โดนไปสามอย่าง แกงฮังเล คั่วไก่ และตำมะม่วงปลาป่น แซ่บ
 
ส่งพี่อมยิ้มกินเสร็จ เราอยากกินบะหมี่ วันก่อนแอบไปโฉบแถว กาดหน้ามอ - หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาร้านนี้น่ากินมาก จำชื่อร้านไม่ได้ รู้สึกว่าจะชื่อร้าน บะหมี่ไข่ หรืออะไรสักอย่าง ร้านจะอยู่แถวโซนอาหารฝั่งขวามือสุดบะหมี่ต้มยำไข่ต้ม+เบคอน และยำไข่ต้ม
 
ทานคาวต้องทานหวานต่อ นมไส อร่อยมาก ชอบมาก อยากกินอีก ถูกมากด้วย ที่เห็นๆนั้น 59 บาทเอง
 
 
อร่อย ถูก อิ่ม และดี หน้ามอ ครบ
 
ทริปนี้ เรามาถึงเรายังไม่ได้ถ่ายไฟกลางคืนกันเลย ขับรถโฉบไปที่นู้นทีที่นี่ที มีจุดนึงที่เราอยากถ่ายรูปมากกกก คือ Think Park Chaingmai ที่นี่จะอยู่ตรงข้าม MAYAเป็น avenue มีร้านนั่งชิวดื่มอยู่เยอะ และก็มีต้นไม้ประดับไฟต้นใหญ่อบู่ตรงกลาง แบบนี้
 
 
กาดรินคำก็มีสวยๆเหมือนกันนะ 
 
และจบทริปวันนี้ด้วยการไปดริงค์ต่อกันที่นี่ "Zoe in yello"
 
 
ที่นี่เป็นแบบผับเอ้าท์ดอร์ที่มีฝรั่งเยอะดี จริงๆมาเพราะเปิดเพลงดี สนุกด้วยแหละ ที่นี่เคยปิดตี4นู้น แต่ตอนนี้ที่เที่ยวที่เชียงใหม่ปิดกันแค่เทียงคืน ใครจะมาอย่าลืมรีบมาไวๆนะคะ และที่สำคัญ อย่าลืมพกบัตรประชาชนมาด้วยหละ ใครเคยมาละจะรู้ว่าที่นี่เค้าดีจริงๆ 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
Day 4
 
และแล่ววันนี้เราก็ตื่นเช้า วันสุดท้ายแล้วทจุดหมายของวันนี้คือ เราจะไปกันที่ "แม่กำปองแพ็คกระเป๋าฝากไว้ที่พัก เตรียมออกเดินทางตั้งแต่ 8 โมง พร้อมแล้วเปิด google map แล้วลุยย ระหว่างทางก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ ข้างบนจะเป็นยังไง มาดูกัน 
 
 
(ขับรถตาม mapไปเรื่อยๆ เราจะเจอกับสามแยกวัดใจว่า เราควรไปทางไหนดี (แยกหมู่บ้านธารทอง)ทั้งคู่เหมือนไปถึงหมู่บ้านแม่กำปองได้เลย แยกนั้นให้เลือกไปทางขวานะคะ  ถ้าทางซ้ายจะเป็นทางไป บ้านต้นไม้แทน) ถึงแล้ว "แม่กำปอง"
 
 
ขับรถมาร่วมชั่วโมงนิดๆได้ หน้าชาเบาๆ ขอบอกไว้ก่อนว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะ (หรือมีแต่เราหาไม่เจอก็ไม่รู้) ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหมู่บ้านลึกลับ ใครเคยดู totoro เราว่าให้ความรุ้สึกคล้ายๆเลย อากาศเย็นชื้น10 -11 โมงอย่างกับ 7 - 8 โมง ให้ได้บรรยากาศต้องขับมอไซค์หรือขับรถยนตร์เปิดกระจกไป นี่เลือกขับมอไซค์ไป หน้าชาแต่ฟินเวอร์มีลำธารไหลเลียบขึ้นไปสู่หมู่บ้านตลอดทาง ฟินจริงๆ ไม่ผิดหวังเลย
 
 
 
หิวมากตอนนี้ พอเข้าไปให้หมู่บ้าน หันไปปุ๊ป เราก็จะเจอนี่เลย ร้านอาหารเหนือ  เราก็สั่งเข้าไปทางข้างใน มีที่ให้ทาน อยู่เลียบลำธาร ไส้อั่วร้อนๆ อร่อยมาก กินเสร็จเราก็แวะไปร้านข้างๆเห อนเป็นที่เช็คฟอยท์ทำนองนั้น ชื่อร้าน ลุงปุ๊ดป้าเป็ง เป็นร้านกาแฟ อยู่เลียบลำธารเหมือนกัน ร้านนี้เหมือนเป็น ซิกเนเจอร์ของที่นี่ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปข้างหน้ามา เรานั่งกินขนมกันนิดหน่อย ชื่นชมบรรยากาศอีกนิด ก่อนจะเดินทางต่อไปที่อื่น จะเห็นได้ว่าที่นี่เป็นธรรมชาติจริงๆ ต้นไม้ครึ้มเขียว และรถวันที่เราไปไม่ค่อยเยอะ จากนั้นก็ขับรถกันไปต่อที "น้ำตกแม่กำปองเป็นหมู่บ้านที่มันเป็นหมู่บ้านที่มันธรรมชาติมากๆ มันก็เลยมีลำธาร พอไล่ลำธารขึ้นไปมันก็เลยมีน้ำตก เย็นฟินเวอร์ มีไม่กี่ชั้น เดินแปปเดียวก็ถึง ไม่มีคนเลย

 

 
 
 
หลังจากนั้นเราก็ขับรถเดินทางกลับจนถึงทางแยกหมู่บ้านธารทอง ขับรถขึ้นไปตามเส้นทาง เพื่อจะเดินทางไปยัง บ้านต้นไม้ใหญ่ "Giant" นั้นเอง มีร้านกาแฟและเค้กขาย ราคาตามความสูง วิวที่นี้ถึงว่าสวย มีต้นไม้บดบังบ้าง 
 
 
หลังจากนั้นเราก็เดินทางลงเขากลับเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ เอารถไปคืน เตรียมตัวกลับกันค่ะ ระหว่างทาง เราแวะพักกินข้าวข้างทางร้านนึง เป็นทางก่อนขึ้นดอย หน้าร้านจะมีป้ายเขียนบอกว่า ก๋วยเตี๋ยวชามละ5บาท เราสั่งกันไปสามจาน ผัดกระเพรา ผัดพริกแกง และก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ก็ 5 บาท เส้นจึ๋งนึง ลูกชิ้น 1 ลูก เอาน่าก็ไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้ว แต่ว่าอาหารตามสั่งอร่อยมาก สะอาดด้วย ใครผ่านอยากให้ลองชิมดู
 
 
หลังจากเราลงมาถึงเชียงใหม่ เราก็เอารถไปคืน แล้วมาพักกันที่ร้านกาแฟก่อนรอไปขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ เชียงใหม่ถือได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีร้านกาแฟเยอะมาก และเราก็มาหยุดกันที่ร้าน "Ahcafela Coffee & Eatery"ตั้งอยู่ใกล้ๆกับวัดอุโมงค์ร้านน่ารัก เงียบๆ ชิวๆ เจ้าของร้านก็อัธยาศํย ดีมาก นอกจากร้านน่ารักแล้ว เครื่องดื่ม(กาแฟ) ที่นี้อร่อยไม่แพ้กันเลย ทุกแก้วใส่ใจในคุณภาพมาก เจ้าของร้านแอบบอกว่าถึงขั้นศึกษาการชงกันมาเลยทีเดียว
 
 
 
ก็เป็นอันว่าจบทริปเชียงใหม่ของพวกเรา ‪ชีวิตกับหมวย‬ สมาชิกทีม All Around ของเราเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ในทริปต่อไปครับ สวัสดีครับ
 
ขอบคุณข้อมูลจาก http://pantip.com/
Hastag : #ชีวิตกับหมวย
 

เชียงใหม่ - หางดง - สะเมิง : ถนนสายเดียว เที่ยว 12 ร้านตรึงใจใน 1 วัน

$
0
0


เที่ยวสะเมิง
 

รีวิวนี้เรียงลำดับจากระยะทางที่ใกล้ที่สุด โดยเริ่มต้นจากแยกต้นเกว๋น หางดงจุดหมายปลายทางไปยัง..... สะเมิงดินแดนอันสุขสงบที่ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์แห่งนี้ ในอดีตคือพื้นที่ลี้ภัยของชาวไทลื้อและชนเผ่ากะเหรี่ยงที่อพยพมาตั้งรกราก ทว่าจนถึงปัจจุบันสะเมิงก็ยังเป็นพื้นที่ที่ผู้คนพากันหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงมาพักผ่อนกันอยู่ดี โดยเฉพาะร้านรวงและรีสอร์ทต่างๆที่เกิดขึ้นมานั้น ล้วนพาเราไปอิงแอบแนบชิดธรรมชาติในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร จนกลายเป็น 12 ร้านที่ตรึงใจได้ในวันเดียว บนถนน 1 สาย ท่ามกลางขุนเขาและทุ่งกว้างจะมีอะไรที่รอเราอยู่ ส่วน ใครจะไปแวะเที่ยวที่ไหนควรวางแผนเที่ยวตรวจสอบเวลา เปิด - ปิดร้านดีๆก่อนนะ ป่ะไปดูกัน!


- - - - - - - - - - - - - - -

1. ก.การย่าง

- ปิ้งย่างไทยสไตล์ ใครๆก็อร่อย
 

ปิ้งย่างกันหน้าบ้านผ่านไปยังไงก็เห็น ขอบอกว่ารสชาติไม่บ้านนะ

​ภาพจาก ก.การย่าง

 

พิกัด : บ้านฟ่อน ถนนหางดง - สะเมิง (ตรงมาจากแยกต้นเกว๋นประมาณ 2.6 กิโลเมตร) ร้านอยู่ขวามือ

เวลาเปิด - ปิด : 18.00 - 22.00 น.

เบอร์โทร : 090-318-2728

Facebook : ก.การย่าง

เพียงเห็นชื่อ ก็พอจะทราบว่าร้านนี้คือตัวจริงเรื่องปิ้งย่าง ทว่าไม่ใช่บาร์บีคิวหัวนอกที่ไหน แต่เป็นจำพวกไส้ย่าง เนื้อย่าง เสือร้องไห้ ปิ้งย่างแบบไทยๆเรานี่เอง ซึ่งตอนย้ายมาจากกรุงเทพแรกๆนั้น คุณแก๊ป เจ้าของร้านและมือย่างก็อยากจะเปิดร้านอาหารฝรั่งอยู่หรอก แต่พอมาลองใช้ชีวิตดูแล้วกลับค้นพบสัจธรรมแห่งอาหารที่ใครๆก็เข้าถึงได้ นักท่องเที่ยวผ่านมาก็ถูกใจ ชาวบ้านอยู่แถวนั้นก็ถูกปาก เรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะเสือร้องไห้ที่หมักเครื่องเทศเข้มข้นจนทั้งนุ่มทั้งหอมและน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้านนั้น ต่อให้ไม่ได้ผ่านไปสะเมิงก็แทบอยากจะขับรถกลับไปกินทุกวัน (ในอนาคตร้านนี้มีแผนจะย้ายไปเปิดแถวเส้นพืชสวนโลก ใครที่อยากไปพิสูจน์รสชาติ คงต้องคอยติดตามความเคลื่อนไหวกันดีๆนะ)
 


คุณแก๊ปเจ้าของร้านมือย่าง ย่างไปใส่หน้ากากกันควันไป ดูโปรอย่างแรง!

 

จัดการย่างอย่างมีระเบียบ
ภาพจาก ก.การย่าง


บนซ้าย - ไส้หวานย่างหวานอร่อยสมชื่อ ให้ผักแกล้มมาทุกจาน
บนขวา -สาวๆก็มานั่งกินกันได้ วัยรุ่นก็แวะมานั่งชิลกันเยอะพอสมควร
ล่างซ้าย -ร้านนี้ไม่ขายเหล้าเบียร์ แต่ที่เห็นเป็นกระป๋องบนโต๊ะน่ะข้ามไปซื้อจากร้านขายของชำฝั่งตรงข้ามได้ เขาช่วยกันทำมาหากิน

ล่างขวา -​เสือร้องไห้ เนื้อนุ่มติดมันหอมเครื่องเทศ จิ้มกินกับน้ำจิ้มรสจัด เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวานครบรส

- - - - - - - - - - - - - - -

 

2. Salicha Mini Cafe

- อิมพอร์ทเบียร์นอกสุดเท่

 

บรรยากาศในร้านเน้นตกแต่งด้วยของเก่าดูเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร

 

พิกัด :ถนนหางดง - สะเมิง ใกล้ร้าน Hoppipolla ร้านอยู่ขวามือ
เวลาเปิด - ปิด : 18.00 - 24.00 น. หยุดวันจันทร์
เบอร์โทร : 081-4246356
 
จากอาชีพ Graphic Designer บวกกับเป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์เป็นชีวิตจิตใจของธรา ใคร่ครวญหนุ่มกาญจนบุรีที่หลงรักเมืองเชียงใหม่เข้าเต็มเปา จึงทำให้เขาต้องย้ายครอบครัวมาที่นี่ พร้อมเปิดร้านเล็กๆย่านสะเมิง “ร้านผมจำหน่ายเบียร์อิมพอร์ท คราฟท์เบียร์และเบียร์ไทย กว่า 40 ชนิดทั้งจากฝั่งอเมริกา ยุโรปและเอเชีย ให้ทุกท่านได้ดื่มแบบจัดเต็มในทุกเย็นย่ำ และถ้าหากใครมาถึงร้านแล้วไม่รู้จะลิ้มลองตัวไหน สอบถามผมได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำ ส่วนเรื่องอาหารทางร้านไม่มีให้บริการ แต่ลูกค้าสามารถหอบหิ้วเข้ามาหรือสั่งร้าน Hoppipolla มาทานได้โดยไม่คิดราคาเพิ่ม"คุณธราเจ้าของร้านบอกกับทีมงานของเรา ส่วนคำว่า Salicha มาจากชื่อลูกสาวที่มีความหมายถึง ผู้ที่มีความงามนั่นเอง

 

salicha

 
คราฟเบียร์มีหลากหลายชนิดที่อยากแนะนำคือ Stone Ruination DIPA, St.Bernardus และ Ninkasi (IPA)
มีเครื่องดื่มแบ่งขายเป็นก๊งใส่แก้วเล็กคล้ายเหล้าตองด้วยนะเออ

 

มุมด้านใน (ซ้ายบน - ขวา) ติดริมน้ำธารเย็นสบายจะพาเพื่อนฝูงหรือคนรู้ใจไปก็นั่งเพลินๆได้ทั้งนั้น 

ซ้ายล่าง - คุณธรา เจ้าของร้านอารมณ์ดี

- - - - - - - - - - - - - - -

 

3. Hoppipolla

- Steak House กลางขุนเขา

 

Hoppipolla เป็นชื่อเพลงจากวง Sigur Rós ศิลปินชาวไอซ์แลนด์วงโปรดของเจ้าของร้าน และร้านนี้ก็ตกแต่งสไตล์ Iceland House 

บนซ้าย/ขวาและล่างซ้าย -บรรยากาศโดยรวมของร้านสะกิดต่อมให้ต้องอยากถ่ายรูป เชื่อเจ๋ง! 

 

พิกัด : ถนนหางดง - สะเมิง ร้านอยู่ขวามือ

เวลาเปิด - ปิด : 17.00 - 22.00 น.

เบอร์โทร : 090-5500045

Facebook : Hoppipolla

เลยมาถึงร้านเล็กๆสีขาวสะอาดตาที่ใครๆเห็นก็ต้องแวะถ่ายรูปและเช็คอินโพสต์ลงIG กระทั่งเหล่าดาราหรือเน็ตไอดอลก็เคยพากันมาเช็คอินเยอะมาก ทีแรกเรานึกว่าเป็นร้านกาแฟที่มีอยู่ดาษดื่น แต่ที่นี่คือร้านสเต็กที่มีเพียง 5 โต๊ะ ซึ่งรองรับลูกค้าได้เต็มที่ประมาณ 30 คนเท่านั้น และสเต็กที่นี่ก็ใช่ว่าจะธรรมดาซะที่ไหน เพราะไม่ว่าจะเป็นเบอร์เกอร์ สเต็กหมู สเต็กปลาแซลมอน สเต็กไก่ สเต็กเนื้อสันนอก หรือซี่โครง BBQ เมนูขายดีนั้น ทุกจานล้วนเสิร์ฟมาแบบเซ็ตใหญ่จัดเต็ม จนกลายเป็นวัฒนธรรมว่าสั่งมาเมนูหนึ่ง กินด้วยกันได้ทั้งโต๊ะ ซึ่งเป็นภาพและประสบการณ์แปลกใหม่ที่เห็นก๊วนเพื่อนต่างก็ช่วยกันกินบ้าง แย่งกันกินบ้าง ทานไป หัวเราะไป เคล้าเสียงเพลงเพราะๆท่ามกลางบรรยากาศดีๆของขุนเขา ทำให้การมาเยือนที่นี่ กลายเป็นอีกหนึ่งมื้อแห่งความประทับใจได้ไม่ยาก ส่วนใครที่อยากไปกิน แนะนำให้จองก่อน เพราะถ้าหาก Walk in เข้าไปอาจได้กินแห้วแทนได้ อีกอย่างทางร้านจะได้เตรียมของไว้ให้อย่างเพียงพอด้วย ปล.ช่วงหน้าฝน ร้านอาจปิดเป็นเวลา 4 เดือนนะ ทราบแล้วเปลี่ยน!

 

สเต็กไก่ (400 กรัม) เสิร์ฟมาพร้อมกับผักและผลไม้เต็มจาน จานนี้สุดคุ้ม 180 บาทเท่านั้น

 

ซี่โครง BBQเมนูขายดีของร้าน กินกันให้เต็มที่ 1 กิโลกรัม ราคา 400 บาทเท่านั้น
เมนูนี้ขายดีมากและใช้เวลาในการทำนาน คนที่อยากทานจริงๆ
ควรโทรสั่งทางร้านล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องรอเก้อ รอนานไง

 

บนซ้าย-บรรยากาศยามเย็นค่อนข้างจะชิล หลายคนอาจอยากดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย
ซึ่งแม้ว่าทางร้านไม่ได้ขาย แต่ก็เดินไปซื้อมาจากร้าน Salicha Mini Cafe ที่อยู่ติดๆกันได้ แถวนี้เขาช่วยกันทำมาหากินดีแท้
บนขวา -คนดูแลร้านหลักๆมีกัน 2 คน คือ คุณปืนผู้เป็นเจ้าของร้านและตากล้องมืออาชีพ
ล่างซ้าย/ขวา -น้องของคุณปืนมีหน้าที่เป็นเชฟประจำร้าน เห็นมาดและหุ่นตอนทำ Rib Pork ก็รู้แล้วว่าฝีมือเฉียบขาด!


 

 

Behind the scene @pimtha

A photo posted by BOOM (@abchuthai) on


เหล่าดาราและเน็ตไอดอลต่างพากันมาเช็คอินลง IG​ ฮิตกันขนาดนี้
 

 

สไตล์ฮิป @jenjii_zzzzz @t4nyadis #NAKCMTrip

A photo posted by Maneerat Kam-Uan (@ae_maneerat) on

 

- - - - - - - - - - - - - - -
 
4. เสพศิลป์ กลิ่นกาแฟ บ้านนอก
- จิบแฟแช่น้ำเย็นชื่นใจ

 

 

พิกัด :ถนนหางดง - สะเมิง ร้านอยู่ขวามือ
เวลาเปิด - ปิด : 10.00 - 24.00 น. ทุกวัน
เบอร์โทร : 093-2985706
 
เสพศิลป์กลิ่นกาแฟบ้านนอก ร้านกาแฟแช่น้ำเจ้าแรกๆที่เปิดให้บริการย่านสะเมิง เป็นร้านเล็กๆที่เน้น Concept ให้ลูกค้าได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติแบบบ้านๆ รวมถึงให้ความรู้สึกเหมือนมานั่งบ้านเพื่อน การบริการที่นี่ทั้งหมดจึงเน้น Self Service ทั้งหมดตั้งแต่สั่งอาหาร จ่ายเงิน เสิร์ฟอาหารรวมถึงเก็บจานด้วยนั่นเอง เมนูมีหลากหลายทั้งชา กาแฟ (ทางร้านบอกว่าปลูกเอง คั่วเอง) เบเกอรี่  อาหารจานเดียวก็มีนะ ส้มตำ ยำ เนื้อย่าง หมูย่าง รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เย็นๆ แนะนำ
 
 
บรรยากาศในร้านเน้นแบบ Open Air มีมุมให้เลือกนั่งชิลๆหลากหลาย
แต่ที่ไม่ควรพลาดคือโต๊ะริมลำธารด้านหลังที่เคยเป็นกระแสร้อนแรงอยู่ช่วงหนึ่ง หน้าร้อนนี้หนีมาแช่น้ำเย็นๆกัน
 
 
กาแฟบ้านนอก 70 บาท กาแฟหัวกะทิ 70 บาท ขนมปังไส้ช็อกโกแลต 15 บาทและสเต็กหมู 240 บาท ฯลฯ 
 
 ข้าวผัดต้มยำกุ้ง รสชาติจัดจ้านถึงใจ ราคา 80 บาท

- - - - - - - - - - - - - - -

5. Ozzy Shop
- มิตรภาพแท้แป๊ะได้

 

 

พิกัด : บ้านปง ถนนหางดง - สะเมิง (สังเกตถัง Heineken สีเขียวหน้าบ้าน) ร้านอยู่ซ้ายมือ
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 - 22.00 น. ทุกวัน
เบอร์โทร : 088-2609492
 
ร้านขายของชำธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ต้องยกตำแหน่งนี้ให้ที่นี่กันเลยทีเดียว Ozzy Shopร้านขายของเล็กๆที่บริหารงานโดยป๋าออสซี่ - พิษณุ อินก้อนหนุ่มรุ่นใหญ่ใจป๋า ขี้เล่นเป็นกันเองที่ทำให้ที่นี่ยังคงความมีเสน่ห์จนใครต่อใครมากี่ครั้งก็ยังติดใจ
  
ป๋าออสซี่เจ้าของร้านหนุ่มใหญ่ใจดีเป็นกันเองสุดๆ 
 
Ozzy Shop เห็นร้านเล็กๆแบบนี้มีของเพียบสารพัดอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ของใช้ในครัวเรือน ข้าวสารอาหารแห้งรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สารพัดอย่าง ในราคาปลีกและส่ง อันที่จริงเส้นนี้ก็มีร้านแบบเดียวกันหลายร้านที่แนะนำร้านนี้เพราะเจ้าของร้านใจป๋า ด้านหน้าร้านนี้มีโต๊ะม้าหินอ่อนด้านหน้าเย็นย่ำแลงมานั่งจอยสังสรรค์ได้แบบเพลินๆยันดึก ปิดกี่โมงแล้วแต่ว่าเจ้าของร้านจะติดลมหรือเปล่า ฟรีน้ำแข็งสำหรับคนที่นั่งดื่มที่ร้านเติมไม่อั้น เด็ดสุดคือมาบ่อยเกิน 10 ครั้งขึ้นไปจนป๋าออสซี่จำหน้าได้ แกใจป้ำถึงขนาดให้ลงบิล (ฮา) โปรยั่วใจขนาดนี้ไม่แวะไม่ได้แล้ว  ปล.วันไหนไปแล้วเจอคุณแม่จันทร์แก้วให้บอกว่าเป็นเพื่อนป๋าออสซี่คุณจะได้ทุกอย่างตามที่ว่ามา

 

ช่วงกลางเดือนก.พ. ที่หน้าร้านOzzy-shop ถนนเส้นบ้านปงดอกทองกาญจนาหรือเหลืองอินเดียเหลือบานสวยสด

บรรยากาศระหว่างทาง

ช่วงนี้ดอกเหลืองอินเดียกำลังเริ่มบานจึงโรแมนติกสุดๆ


 

ก่อนจะไปพบร้านต่อไป แวะพักชมระหว่างทางกันสักนิด ตลอด 2 ฝั่งทาง เราจะได้พบกับเพิงขายของของชาวบ้านมากมาย เป็นผัก ผลไม้ราคาไม่แพง หรือแม้แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวก็มี จริงๆแล้วของจากร้านเหล่านี้ก็ถือเป็นของฝากติดไม้ติดมือที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะซื้อไปฝากคนทางบ้านอยู่เช่นกัน
 


ยังต่อราคากับป้าไม่ทันเสร็จ พลันก็เหลือบไปเห็นชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่พากันปั่นจักรยานมาตามไหล่ทาง พวกเขาอารมณ์ดีทีเดียว พอเห็นเรายกกล้องถ่ายรูป ก็หันมายิ้มทักทายให้ด้วย ซึ่งนอกจากนักปั่นกลุ่มนี้แล้ว เราก็ยังพบคนไทยที่มาปั่นจักรยานอยู่บ้างเหมือนกัน คงเป็นเพราะเส้นทางที่นี่ไม่เปลี่ยวหรือสูงชันมากจนเกินไป แถมวิวก็สวยมากอีกด้วย เรียกว่านอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังได้ท่องเที่ยวไปด้วยอีกต่างหาก

- - - - - - - - - - - - - - -


6. บ้านดงวิวดอย
- อร่อยเหาะ วิวเหมาะเจาะ



ทิวเขาที่มองเห็นอยู่ไกลๆนั่นคือดอยปุย

 

พิกัด :ถนนหางดง - สะเมิง ตำบลบ้านปง (ตรงข้ามสวนบัวรีสอร์ท) รีสอร์ทอยู่ซ้ายมือ

เวลาเปิด - ปิด : 10.00 - 20.00 น.

เบอร์โทร : 081-951-8888 , 089-635-9666

Facebook : บ้านดงวิวดอย

ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่าวิวดอยสวยสุดๆสมชื่อร้านนี้ คงจะเป็นหนึ่งในใจของใครหลายคนที่อยากแวะมาสักครั้งเมื่อได้เยือนสะเมิง เพราะนอกจากวิวจะสวยและอากาศบริสุทธิ์แล้ว รสชาติอาหารก็ยังอร่อยเป็นที่ร่ำลือ แถมราคาไม่แพงอีกต่างหาก หลังจากกินอิ่มถ้าใครอยากจะยืดเส้นยืดสายสักหน่อย จะชวนกันไปดวลฝีมือที่โต๊ะพูลภายในร้านก็ได้ หรือใครติดใจบรรยากาศขนาดที่อยากนอนชมวิวดูดาวต่ออีกสักคืนสองคืน ที่นี่ก็มีห้องพักไว้รองรับเช่นกัน แม้จะมีเพียง 2 ห้อง แต่สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครันทีเดียว คืนละ 990 บาทเท่านั้น (รวมอาหารเช้าด้วย)

 

 

ยำแซลมอน สตอเบอรี่

A photo posted by @ray_mon28 on

 

 

 


ห้องพักกว้างขวาง ปลอดโปร่ง พื้นและผนังเป็นปูนเปลือย

- - - - - - - - - - - - - - -

 

7. สหายหมื่นจอก
- จุดนัดพบของสหายรู้ใจ


วิวทุ่งนาและขุนเขาที่มองจากร้านสหายหมื่นจอก

 

พิกัด :ถนนหางดง - สะเมิง (เลยสะพานทางเข้าโรงเรียนนานาชาติอเมริกันแปซิฟิกไปเล็กน้อย ร้านอยู่ขวามือ)
เวลาเปิด - ปิด : 11.00 - 22.00 น.
เบอร์โทร : 089-636-2495
Facebook : ร้านสหายหมื่นจอก

“ข้าพเจ้ามิได้หลงใหลในรสสุรา แต่ข้าพเจ้าหลงใหลในบรรยากาศของการร่ำสุรา” ปรัชญาแสนล้ำลึกจากโกวเล้งที่ได้เปิดเผยตัวตนของนักดื่มทั้งหลายว่าเพราะเหตุใดจึงชอบตั้งวงกันนักประโยคนี้ คือแรงบันดาลใจของสหายหมื่นจอก ร้านอาหารเน้นกับแกล้มบนเส้นสะเมิง ที่มีสโลแกนว่า“กับแกล้มที่ถูกปากกับสหายที่รู้ใจ”เติมเข้าไปอีกหน่อย คือทิวทัศน์ที่เพลินตา เพราะร้านนี้ตั้งอยู่บนเชิงดอย ที่สามารถมองเห็นวิวทุ่งนาจรดขุนเขาได้สุดลูกหูลูกตา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้มาเยือนส่วนใหญ่จะเป็นพลพรรคผองเพื่อนที่หอบหิ้วกันมานั่งเสวนากันอย่างออกรสได้เป็นชั่วโมงๆ บ้างก็เป็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานแล้วแต่มานัดพบกันที่นี่ก็มี จะทานอาหารหรือจะร่ำสุราเคล้ากับแกล้ม ก็เชิญได้ตามสบาย! นอกจากนี้ก็ยังมีร้านเก๊าเดื่อวิวงาม ที่ตั้งเยื้องออกมา และวิวสวยไม่แพ้กันให้ไปเลือกนั่งได้อีกที่หนึ่งด้วย

 

หน้าตาอาหารของทางร้านที่เป็นได้ทั้งกับข้าวและกับแกล้ม ทั้งปลาทับทิมหลงบึง (ภาพซ้าย) หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบโหระพาจิ้มแจ่ว และไก่ทอดลูกทุ่ง
 

 

 

Meenoon&friends on a vacation.

A photo posted by Meenoon (@meenoon) on

 

- - - - - - - - - - - - - -

 

 

8. The Doi Resort & Restaurant
- จุดนัดพบของเหล่า Biker

 

มาแล้วต้องลอง กาแฟดอยช้างและลาเต้ หวานนุ่มละมุนลิ้น แก้วละ 75 บาท และเค้กอโวคาโด้ ราคา 85 บาท

 

พิกัด : ถนนหางดง - สะเมิง ร้านอยู่ซ้ายมือ
เวลาเปิด - ปิด :จ.-ศ. 07.00 - 18.00 น. และ ส.-อ. 07.00-19.00 น.
เบอร์โทร : 063-1069493 / 053-365083
 
หากใครที่มีโอกาสเดินทางผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำคงคุ้นชินกับเรือนไม้หลังเล็กตั้งตระหง่านอยู่ริมทางฝั่งซ้ายมือเป็นอย่างดี The Doi Resort & Restaurant เกิดจากความชื่นชอบของคุณก้อง หนุ่มใต้ที่หลงใหลในธรรมชาติของเชียงใหม่จนถึงขนาดที่มีความฝันจะเปิดร้านกาแฟและที่พักเล็กๆเป็นของตัวเอง จนเมื่อทุกอย่างลงตัว The Doi จึงเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน 
 
จุดพักจักรยานด้านหน้าสำหรับนักปั่นทั้งหลาย 
 
ด้วยความที่เส้นสะเมิงเป็นสวรรค์ของเหล่า Biker รวมถึงนักปั่นน่องทองที่มักจะมาทดสอบสมรรถภาพของพาหนะคู่ใจ The Doi จึงเป็นร้านขวัญใจของพวกเขาเหล่านี้ รวมถึงดารามากหน้าหลายตาที่มักจะแวะเวียนกันมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นเวียร์ ศุกลวัฒน์ มาริโอ้ เมาเร่อ บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว โจอี้ บอย และอีกหลากหลายท่าน
 
 
ในส่วนของร้านอาหารด้านหน้า เน้นจำหน่ายอาหารรสชาติจัดจ้านถึงใจและยังมีมุมกาแฟให้ได้นั่งชิล กาแฟที่นี่พิเศษกว่าใครเพื่อนตรงที่ใช้กาแฟดอยช้างเกรด Premium มีรสชาติขมนำไม่เปรี้ยว ซึ่งถือว่าหาทานยากในเชียงใหม่เช่นกัน 
 
 
เมนูแนะนำ สลัดหมูย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดและมายองเนส เผ็ดแซ่บลงตัว 120 บาท สเต็กเดอะดอย สเต็กปลาแซลมอนราดด้วยซอสรสกลมกล่อมเสิร์ฟพร้องผักสลัดและเฟรนด์ฟรายด์ 180 บาท สปาเก็ตตี้เขียวหวานรสชาติจัดจ้านถึงใจ ราคา 120 บาท และผักเหลียงผัดไข่อาหารใต้สูตรต้นตำรับ 100 บาท ยำกุ้งเสียบ รสชาติเผ็ดแซ่บถึงใจ 120 บาท และข้าวไก่อบ 100 บาท 

- - - - - - - - - - - - - - -



9. Tha Chang Hill 

- ร้านกาแฟสุดชิลวิวดีกลางดอย

 

 

พิกัด :ด้านหน้าโรงแรม Belle Villa Resort เชียงใหม่ อ.สะเมิง ร้านอยู่ขวามือ
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 - 20.00 น. ทุกวัน
เบอร์โทร : 081-9358752
Facebook : Thachang Hill 
 
เรียกได้ว่าเป็นร้านน้องใหม่มาแรงในกลุ่มนักปั่นน่องทองอย่างมาก เนื่องจากเป็นสถานที่แวะพักจอดให้หายเหนื่อยชิลๆก่อนออกเดินทางต่อ และนอกจากที่นี่จะถูกออกแบบตกแต่งมาเป็นอย่างดีแล้วยังมีมุมถ่ายรูปๆสวยให้เลือกอีกเพียบ!
 
 
จากจุดเริ่มต้นของการสร้างเพียงบ้านพักอาศัย แต่กลับมีคำถามจากเหล่านักเดินทางทั้งไทยและต่างชาติว่า ที่นี่คือร้านกาแฟหรือเปล่า? บวกกับคำรบเร้าให้เปิดร้านกาแฟ จึงทำให้คุณป๋อง-สุนทร ชัยยา ตัดสินใจเปิดที่นี่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และนอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของการตกแต่งที่ไม่เหมือนใครแล้ว ยังมีเรื่องของกาแฟและเบเกอร์รี่ที่เด็ดไม่แพ้กัน ใครที่อยากลองก็แวะไปเช็คอินกันได้ 
 

มอคค่าเย็นและเค้ก Velvet เมนูแนะนำที่ไม่ควรพลาด

 

- - - - - - - - - - - - - - -

10. จักรวาลบ้านดิน
- สวรรค์บนดินในใจเด็ก



บ้านพักแต่ละหลังของที่นี่จะมีสีสันและการตกแต่งรวมถึงชื่อเรียกที่แตกต่างกัน
ภาพจาก จักรวาลบ้านดิน
 

พิกัด : เลยกฤษดาดอยไป 5 กิโลเมตร ขับตรงไปเรื่อยๆ สังเกตขวามือจะเห็นป้ายจักรวาลบ้านดิน เลี้ยวขวาแล้วตรงไปอีก 150 เมตร
เบอร์โทร : 089-733-8784
Facebook : จักรวาลบ้านดิน

จากจุดเริ่มต้นที่เพียงแค่อยากสร้างบ้านพักส่วนตัวไว้เท่านั้น ไปๆมาๆด้วยพลังงานความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่อย่างล้นเหลือของคุณเล็ก วิรุฬ ทองป้อง นักตกแต่งบ้านคนดัง บ้านดินเพียง 1 หลังจึงกลายเป็นจักรวาลเล็กๆ ที่มีบ้านพักสีสันสดใสถึง 14 หลังไว้รองรับนักท่องเที่ยว และเน้นย้ำคำว่า“บ้าน”อีกครั้ง หมายความว่าที่นี่ไม่ใช่รีสอร์ท ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกอาจไม่ครบครัน แต่สิ่งที่จะได้รับมากลับมา คือความรู้สึกสุขสงบและความเป็นส่วนตัวท่ามกลางอากาศที่เย็นตลอดปีในหุบเขา แถมด้วยจิตรกรรม ประติมากรรมจากขยะเหลือใช้ ที่ถูกนำมาแปลงโฉมจนกลายเป็นงานศิลปะทรงคุณค่า ในความรู้สึกของเรานั้น มันเพียงพอแล้วสำหรับการพักผ่อน   

 

บ้านกุหลาบคือ บ้านดินสีชมพูสด เพ้นท์ลวดลายดอกกุหลาบไว้ทั้งหลัง ซึ่งข้อดีของบ้านดินนั้นกลางวันจะเย็น กลางคืนจะอบอุ่นพอดี ที่นี่จึงไม่จำเป็นต้องมีเครื่องปรับอากาศ

ภาพจาก จักรวาลบ้านดิน


ตัวอย่างงานศิลป์ Junk Art ซึ่งจะพบได้ทั่วบริเวณ
ภาพจาก Go2AskAnne

- - - - - - - - - - - - - - -



11. ปั้นดิน Resort&Art 

-ไปปั้นดิน กินกาแฟ แล้วนอนแผ่ที่บ้านไม้


ด้านหลังบ้านพักที่ตั้งเรียงราย ก็ยังมีมุมทำกิจกรรมเล็กๆซุกซ่อนอยู่
ภาพจาก Go2AskAnne
 

พิกัด : ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง รีสอร์ทอยู่ขวามือ
เบอร์โทร : 098-806-7198
Facebook : Pundin Resort & Art

ในเมื่อเราใช้ไม้พาเลททำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆได้มากมาย แล้วทำไมเราจะนำไม้พาเลทไปสร้างบ้านพักบ้างไม่ได้ ที่ปั้นดิน Resort&Art แห่งนี้จึงเกิดบ้านพักไม้พาเลทจำนวน 7 หลังขึ้นเป็นแห่งแรกในไทย นอกจากจะกลมกลืนไปกับธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังออกแบบให้บ้านพักตั้งเรียงรายกันไปตามเชิงดอย ทำให้เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามได้อย่างชัดเจน ไม่เฉพาะแค่คนที่มาพักค้างคืนเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถเข้ามาเที่ยวชมได้เช่นกัน เพราะที่นี่ยังมีร้านกาแฟและArt Gallery รวมถึงบ้านต้นไม้ให้เรามาลองปีนป่ายถ่ายรูป พักผ่อนหย่อนใจกันอย่างเต็มที่ มากกว่านั้นยังมีกิจกรรมศิลปะให้บรรดาคนหัวใจ Artist ไปร่วมแจมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูปหรือปั้นดินเผาด้วยสองมือก็น่าทดลองทั้งสิ้น ส่วนราคาบ้านพักนั้นก็เริ่มต้นที่ประมาณ 800 - 3,000 บาท   
 


บ้านต้นไม้นี้ จะนอนหลับที่เปลหรือปีนขึ้นไปนั่งเล่นด้านบนก็ได้


Love Art Love Nature Love Me สโกแกนสั้นๆของปั้นดิน

- - - - - - - - - - - - - - -

12. ลาบสองตายาย บ่อแก้ว

- จานพิเศษจากสองมือผู้เฒ่า


ลาบควายดิบแบบนี้ ของโปรดคนเมืองขนานแท้
ภาพจาก Go2AskAnne
 

พิกัด : ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง (บริเวณทางเข้าสวนสตรอว์เบอร์รีดอยแก้ว)
Facebook : ลาบสองตายาย บ่อแก้ว

ลาบตายายแห่งบ่อแก้ว ร้านนี้เปรียบเสมือนอัญมณีเม็ดเล็กแห่งขุนเขาที่การมาค้นพบได้นั้นต้องประจวบเหมาะชนิด “ตาดีได้” ซึ่งเรื่องความตาดีต้องยกให้ Go2AskAnneที่ได้ค้นพบและแนะนำที่นี่ไว้ว่า“ตะวันจะตกหาที่ลงไม่ได้เลยมาพักที่ไร่สตรอเบอร์รี่สวนดอยแก้ว ออกมาหาอาหารกินสะดุดที่ร้านลาบตายาย ครั้งแรกที่ลาบเข้าปากนี่อึ้งตะลึงตึงๆๆมาก เข้มข้นร้อนแรง เครื่องเทศนี่กินแล้วกลืนน้ำลายยังรู้สึกชุ่มหวานในคอ เนื้อควายสับไม่ละเอียดมาก พอให้ได้เอาข้าวนึ่งพุ้ยได้เนื้อหนังมาหน่อย ลาบหมูก็อร่อยแต่ถูกลาบควายบดบังรัศมี คุณตาเคยทำงานที่บ่อแก้วในยุคเหมืองแร่ ตอนนี้ตาเกษียณเลยชวนคุณยายมาเปิดร้านลาบเล็กๆ ขนาดสองโต๊ะ คุณตาบอกว่ามาบ่อแก้ว ไม่มาร้านแกถือว่ามาไม่ถึง”ฮั่นแน่! แนะนำไว้ซะขนาดนี้ ถ้าไม่ไปลอง ก็เสียเชิงคนเมืองหมดสิ !
 


ป้ายประโยคกวนๆแบบนี้แปะไว้ทั่วร้านเล็กๆ ไม่รู้ว่าตาติดไว้แซวลูกค้าหรือหยอกยายกันแน่
ภาพจาก Go2AskAnne


ป้ายร้านเป็นแผ่นไม้ธรรมดาๆ เขียนด้วยมือง่ายๆ แต่เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นดีจัง
ภาพจาก Go2AskAnne

- - - - - - - - - - - - - - -
 

สิ้นสุดการเดินทาง 1 วัน เที่ยว 12 ร้านตรึงใจ ในถนนสายเดียวเส้นสะเมิงโดยสวัสดิภาพ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเดินทางที่เราไม่ควรลืมก็คือ การมีพาหนะที่มีสมรรถภาพเครื่องยนต์สมบูรณ์ พร้อมจะพาเราไปถึงจุดหมายได้ทุกๆที่ สำหรับคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถติดต่อAA Lease&Rentได้ โทร 053-208425 , 094-617-3939พนักงานบริการดี สุภาพ รับ-ส่งรถได้ถึงที่ สะดวกไม่น้อยเลยล่ะ
 


รถเช่าจาก AA Lease&Car Toyota Vios สีขาวคันนี้ที่พาเราไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆได้ทั้งวัน
 

ท่านใดมีสถานที่ท่องเที่ยวเส้นสะเมิงเจ๋งๆ แนะนำเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที
 


 

จากกรุงสู่ดอย หนาวแทบขาดใจในวันที่เชียงใหม่ 9 องศา

$
0
0

 

24 Jan 2016 
 

         จริงเรามาถึงเชียงใหม่กันตั้งแต่เช้าวันที่ 23 มกราคม แล้ว ซึ่งการมาเชียงใหม่คราวนี้ของเราจริงๆแล้วเราอยากมาถ่ายรูปกับเพื่อนวันรับปริญญามากกว่า แต่ไหนๆก็มาเชียงใหม่แล้ว ก็อยู่เที่ยวต่อสิ ก็เลยแพลนว่าจะอยู่เที่ยวลากยาวถึงวันที่ 26 เลย เราออกจากกรุงเทพโดยรถไฟเช่นเคยเหมือนคราวที่แล้ว ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันชอบนั่งรถไฟเที่ยวแหะ รู้สึกมันมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศก็ดีกว่านั่งรถทัวร์หรือเครื่องบินเยอะเลย

 

 

รอบนี้เดินทางกัน 4 คน จริงๆอยากนั่งตู้ JR West นะแต่ตอนไปซื้อตั๋วเจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่มีตู้ JR West แล้วค่ะ นี่ก็เสียใจไปดิ นั่งตู้แดวูก็ได้ ได้ที่นั่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ติดประตูทางเข้าตู้พอดี ปิดไม่สนิทอีกต่างหาก แต่ก็เอาน่าครั้งหน้าละกันไหนๆก็จำที่นั่งที่ติดปลั๊กไฟได้แล้วนิ อ้อ... อีกทริคหนึ่งสำหรับคนนั่งรถไฟ คุณควรพกปลั๊กสามตาไปด้วยนะ จะได้ต่อจากปลั๊กบนตู้ได้แล้วลากมาใกล้ๆที่นอนและยังแชร์กับเพื่อนร่วมทริปได้อีกด้วยแหละ ถึงเวลาดึกๆหรือเช้าๆ เราก็มานั่งที่ตู้เสบียงกัน ข้าวผัดรถไฟอร่อยมาก ตอนเช้าเราก็มานั่งกินข้าวต้มร้อนๆ แถวได้อากาศเย็นๆ บรรยากาศดีๆแถวลำปางด้วย รถทัวร์ทำไม่ได้หรอก เครื่องบินหรอ อย่าหวังเลย

 

 

 

คราวนี้เราพักที่เดิมคือที่ เชียงใหม่ ดี โฮสเทล :: โฮสเทลดีๆของคนที่ชอบความสงบและสบาย

 

 

 

ก่อนเดินทางไปสะเมิงเราก็แวะมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำหน้าที่พัก ขอย้ำว่าอร่อยมากซุปกระดูกหมูตุ๋นต้มยำอร่อยจริงๆ อยากกลับไปกินอีกหลายๆรอบเลย ตอนนี้เหลือแค่ 3 คนที่จะร่วมทริปไปกับเราคือ เรา เจน และกอบ 3 คน รถยนต์เงินไม่พอแน่ๆ ก็เลยได้มอไซต์มา 2 คัน ขี่ไปสะเมิง อยากจะบอกว่าขี่มอไซต์ขึ้นดอยสนุกนะ เราชอบมาก มันได้บรรยากาศมากกว่าขับรถยนต์เยอะเลย 

 

 

เราออกจากเชียงใหม่ประมาณ บ่าย 2 ก็ไปหาเช่ารถแถวๆท่าแพร้านให้เช่าเยอะมาก ราคามีตั้งแต่ 200-250แนะนำให้เอารถใหม่ๆนะ เราขี่ขึ้นดอยรถใหม่ๆเชฟกว่าเยอะ ประมาณบ่าย 3 ครึ่งเราก็มาถึงที่พักของเราในคืนนี้ Belle Villa Resort Chiangmai รีสอร์ทนี้อยู่ทางขึ้นสะเมิงฝั่งหางดง ไม่ไกลจากตัวเชียงใหม่ประมาณ 20 กิโล ห้องที่เราได้อยากจะบอกว่าวิวสวยมากๆ

 

 

 

 

 

เราชอบที่พักที่นี่มาก บรรยากาศดีเว่อร์ หลังจากเข้าห้องพัก เก็บของได้สักพัก ไหนๆก็มาแล้วขี่มอไซค์ไปไร่สตอร์เบอรี่กันดีกว่า จากที่พักไปยังสะเมิงประมาณ 19 กิโลเอง แต่มันเป็น 19 กิโลที่ขี่ขึ้นเขา มีทั้งขึ้นเขาแบบเบๆ และโค้งหักศอก สรุปคือ ศูนย์วิจัยข้าวสะเมิงไม่ได้แวะ และไร่สตอร์เบอร์รี่ก็เช่นกัน งั้นไว้คราวหน้าละกันเนอะ สุดท้ายเราเลยได้ไปหาอะไรกินกันที่ตลาดสะเมิงใต้แทน

 

 

มีเซเว่น ของกินก็พอประมาณ แต่เราไปก็ 5 โมงเย็นแล้ว ตลาดก็คงวาย ติดใจสุดก็เป็นลูกชิ้นทอดอร่อยมาก

 

 

หาอะไรกินที่ตลาดสะเมิงได้แปบเดียวเราก็ต้องกลับกันแล้วเนื่องจากมันเย็นมาก เดี๋ยวมืดจะขี่รถกลับที่พักกันลำบาก ขากลับเราแวะร้านกาแฟร้านหนึ่งอยู่ข้างหน้าทางเข้า belle villa เลย ชื่อร้านว่า Thachang Hill and Cafeร้านสไตล์ Loft มีพื้นที่ outdoor ยื่นออกไปรับลมและบรรยากาศ และมีจุดไว้ก่อกองไฟไว้ผิงด้วย

 

 

 

 

ร้านนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่ถึงเดือนเลย ใครที่จะไปสะเมิงแล้วขึ้นทางหางดง อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปสวยๆนะ มุมถ่ายรูปเยอะมาก ดึกหน่อยอากาศเริ่มเย็น พี่เขาก็มาก่อไฟให้เราผิงกัน เห้ย!! สนุกอะ นั่งคุยกับพี่เขา ฟังเพลง แต่อยู่ได้ถึง 4 ทุ่มฝนตก เลยต้องกลับเข้าที่พักกัน สรุปคืนนั้นหนาวมาก กลับเข้าห้องและนอนกันแบบไม่เปิดแอร์ทั้งคืน ก่อนจะตื่นเช้ามาแล้วพบว่า อุณหภุมิลดลงเหลือ 14 องศาตอนแรกก็ดีใจ ก่อนได้สติแล้วคิดได้ว่า วันนี้ต้องขี่มอไซค์กลับเชียงใหม่กับอุณหภูมิ 14 องศา แค่คิดหน้าก็ชาแล้ว

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

25 Jan 2016 

 

ตอนเช้าก่อนกลับเราก็มาทานอาหารเช้า จะบอกว่าข้าวต้มที่ Belle villa อร่อยมาก เราเองก็ซัดไป 2 ถ้วยเลย หรือสงสัยเพราะอากาศหนาวเลยทานข้าวต้มกันอร่อยเป็นพิเศษ ก่อนกลับเราก็แวะถ่ายรูปเล่นกันในบริเวณรีสอร์ทซึ่งมันก็เป็นบ้านพักในรีสอร์ทแหละ คิดว่าน่าจะปล่อยให้คนมาซื้อแล้วก็ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเช่าเป็นที่พัก บรรยากาศมันดีมากเลย เหมือนอยู่ต่างประเทศเลย ได้รูปสวยๆมาเต็ม

 

วันนั้นฝนตกด้วย เราก็ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าฝันกันมาที่เชียงใหม่ อุณหภูมิไม่ใช่เล่นๆ 14 องศา แบบว่ามือแข็งอะ พอมาถึงเชียงใหม่เราก็รีบเข้าที่พักทันที คืนนี้เราพักกันที่บัวระยา ตรงประตูช้างเผือกเป็นโรงแรมที่รีโนเวทใหม่ ถ้าพูดถึงเรื่องพิกัดแล้วเราว่าโอเค เพราะลงมาก็จะถึงขนส่งช้างเผือก เดินทางออกนอกอำเภอง่ายมาก แถมหน้าโรงแรมยังมีของกินเยอะแยะ เป็นโต้รุ่งเล็กๆอีกด้วย จากโรงแรมเราสามารถเดินไปวัดแถวนั้นได้ด้วยนะ เช่นวัดโลกโมฬีแต่เผอิญคืนนั้นเราไม่ได้ไปเดินถ่ายรูปเลย เพราะเรานัดกับเจนว่าจะไปกินข้าวในบรรยากาศดีๆที่ Xanadu Pub and Restaurantชั้น 17โรงแรมฟูรามา เชียงใหม่ ก่อนไป Xanadu เราไปซื้อตั๋วรถทัวร์กลับบ้านกัน ไปก็ไปที่อาเขตด้วยรถแดง เราเจอคุณยายเห็นเราโบกรถแดงแล้วเขาก็ให้ทริคมาว่า ให้ถามรถแดงว่าผ่านที่ๆเราจะไปไหม เพราะถ้าถามว่า ไป...ไหมคะ เค้าจะคิดเราแพงแบบหูฉี่มาก หลังจากซื้อตั๋วอะไรเรียบร้อยแล้วเราก็จะเดินทางไปที่ Xanadu กัน แต่รถแดงต้องแพงมากๆแน่เลย วันนี้ มช รับปริญญา รถต้องติดมากแน่ๆ เราก็เลยใช้บริการรถบัสของเชียงใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี่ในราคา 15 บาท อาเขต - สวนสัตว์ และ อาเขต - สนามบิน

 

รถใหม่และดีมาก รถออกทุกครึ่งชั่วโมง จอดตรงอาเขตเลยถามคนแถวนั้นก็ได้ว่าบัสขาวจอดตรงไหน

 

แต่อย่างที่บอกไปว่า มช รับปริญญา ถนนเลียบคลองชลประทานปิดไฟแดงทุกแยก รถติดขยับไม่ได้ เรากับเจนเลยตัดสินใจลงตรงแยก โรงแรมไอบิสแล้วเดินต่อมานิดหน่อยถึงแยกรินคำ เมญ่าเดินข้ามถนนไปก็เจอโรงแรมฟูรามาแล้ว พอถึงเราก็ขึ้นไปชั้น 17 ทันที โอ้โห วิวสวยมาก แทบกรีดร้องแหละ เราสามารถเห็นวิวเมืองเชียงใหม่โดยมีดอยสุเทพเป็น Background โดยไม่มีตึกใดๆมาบัง เรากับเจนชอบบรรยากาศแบบนี้มาก แต่ด้วยอุณหภูมิ 10 กว่าๆ เราจึงไม่สตรองพอที่จะนั่งรับวิวข้างนอกจึงขออนุญาตย้ายเข้ามาในห้องกระจกแทน ที่ Xanadu Pub and Restuarant นั้นมีดนตรีสดเล่นด้วยนะ ห้องอาหารเปิดตั้งแต่ 18.00-24.00 เลย

 

เสร็จแล้วเรากับเจนก็นั่งรถแดงจะกลับที่พักกัน เรากับเจนเลยนั่งรถแดงไปลงท่าแพกันแล้วก็เดินไปกาแลไนท์บาซ่าร์ระหว่างเดินดูของเราก็ถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น เดินไปเรื่อยๆจนไปเจอกาดเพลินฤดีสิ่งที่สะกดให้เราสองคนเดินเข้าไปคือ เพลงแจ๊ส ใช่แล้วที่นี่มีดนตรีสดเป็นดนตรีแจ๊สให้เราเข้าไปฟังแบบหลุดลอย

 

 

เสียใจที่วันนั้นฝนตก ไม่งั้นคงได้จิบเบียร์และนั่งฟังเพลงแบบยาวๆแน่ เราชอบที่นี่มาก คราวหน้าสัญญาว่าจะมาอีก

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

 26 Jan 2016

 

วันนี้เรานัดกับเจนว่าจะไปสวนสัตว์กัน เริ่มจาก Chiangmai Zoo Aquariumแต่กระนั้นก็เถอะ เรากับเจนตื่นมาพร้อมกับ 9 องศา จากเมืองเชียงใหม่ ฝนตก หมอกลง เสื้อผ้าเตรียมมาไม่พอสำหรับ 9 องศา ก็ต้องอดทน ณ เวลานั้น เราออกจากที่บัวระยาเกือบๆ 10 โมงเช้า แต่เชียงใหม่นี่อึมครึมมาก เราชอบอากาศแบบนี้จัง แบบฝนตกปรอยๆ หนาวๆ หมอกลง บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในลอนดอน 

 

 

ถ้าเราจะเข้าอควาเรียม เลยเราบอกตรงช่องขายตั๋วได้เลย เขาจะมีรถตู้ลงมารับเราหรือใครที่อยากเดินชมสัตว์ไปด้วยแล้วค่อยไปซื้อหน้าอควาเรียมก็ได้เหมือนกัน คราวนี้เราให้ทางเจ้าหน้าที่ลงมารับ ก็ลงหน้าอควาเรียมเลยหรือถ้าใครอยากจะซื้อตั๋วล่วงหน้า ตามไปที่ลิ้งค์นี้เลยค่า Chinagmai Zoo Aquarium

 

 

 

ภายในอควาเรียมมีทั้งปลาน้ำจืดและน้ำทะเล ด้านหน้ามีปลาตีนด้วย พยายามส่องหาหลายรอบ ไม่เจอแหะ มีโชว์ให้อาหารปลาด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมดำน้ำภายในอควาเรียมด้วย

 

อควาเรียมที่นี่มีทั้งหมด 2 ชั้น เริ่มจากชั้นบนก่อนจะเป็นปลาน้ำจืด พอลงมาชั้นล่างก็จะเป็นปลาน้ำเค็ม พอเราดูปลาเรียบร้อยแล้วเราก็ออกมาเดินดูส่วนอื่นของสวนสัตว์บ้าง อ้อ! ตรงด้านหน้าอควาเรียมมีมุมนึงถ่ายรูปสวยมาก มาสวนสัตว์เชียงใหม่ทั้งทีก็ต้องไปหาพระเอกนางเอกของเราสิ ช่วงๆกับหลินฮุ่ยรอเราอยู่ ค่าเข้าคนละ 50 บาท

 

 

 

ดูเวลาไปๆมาๆ แปปเดียวเที่ยงกว่าแล้ว ฝนตกด้วย จะเดินดูสัตว์อย่างอื่นต่อคงไม่ไหว ก่อนกลับเราก็อยากขึ้นไปขุนช่างเคี่ยนกัน แต่คิวรถแดงบอกว่า ไปกลับคนละ 400 บาท พาแวะ 4 จุดคือ ขุนช่างเคี่ยน บ้านม้ง พระธาตุดอยสุเทพ ครูบาศรีวิชัยแต่เนื่องจากเรามีนัดกับเพื่อนก่อนกลับบ้าน เวลาไม่น่าจะพอ เราก็เลยงั้นแวะแค่พระธาตุดอยสุเทพละกัน และรู้สึกว่าคิดถูกมาก เพราะระหว่างทางขึ้นไปพระธาตุดอยสุเทพนั้น หมอกลงทั้งเส้นพร้อมกับฝน ถ้าพูดง่ายๆคือขึ้นไปขุนช่างเคี่ยนนี่ก็อันตรายเหมือนกัน

 

 

 

 

และแน่นอนบนดอยสุเทพนั้น 8 องศา แม่เจ้า! หนาวมาก ฝนก็ตก ทัวร์จีนก็เยอะ เราใส่ผ้าใบกันไป ถอดรองเท้าไม่สะดวก เลยนั่งกินกาแฟร้อนบนพระธาตุรอเวลากลับเพราะเรานัดกับรถแดงไว้ 15.30 อยู่ข้างบนแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย เดินตัวขด เอามือซุกตัวไม่พอ คือหนาวมาก

 

 

เราแนะนำ มอคค่าร้อนบนดอยสุเทพ อร่อยมาก อร่อยจนอยากจะซ้ำอีกแก้ว ราคาไม่แพงด้วย มอคค่าร้อนแก้วละ 50 บาท พอได้เวลาลงมาที่ตัวเมืองเชียงใหม่ แลนด์มาร์คในการถ่ายรูปนั้นคงหนีไม่พ้นอ่างแก้วใน มช. เราไม่รู้ว่าบรรยากาศตอนนี้จะเป็นไงแต่เดาว่าคงสวยมากแน่ๆ เพราะหมอกน่าจะลง และนี่คือวิวที่เราได้จากอ่างแก้ว

 

 

เห้ยยย นี่คือปางอุ๋ง มช ชัดๆอะ หมอกวิ่งบนน้ำในอ่างแก้วคือสวย คือดี คือบรรยากาศดีเว่อร์วัง

 

มาเชียงใหม่รอบนี้ ฟ้าภะวะเลยได้รูปกลับไปอัพเต็มเลย ต้องขอบคุณ @Jane Hathairat ที่มาร่วมทริปและแชะภาพให้ฟ้าภะวะไปหลายร้อยรุป 

ขอบคุณเรื่องจาก  Fahpawa - Travel and Outing

ติดตามอ่านเรื่องเพิ่มเติม https://th.readme.me/p/2022

 

 

"เชียงใหม่"ใกล้แค่ไหนก็คิดถึง

$
0
0

 

"เคยตกหลุมรักบางสถานที่หรือบางคนแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่ามั้ย ?"

 

"เชียงใหม่"จังหวัดที่ใครๆก็ไป บางคนเคยไปแค่ครั้ง 2 ครั้ง แต่บางคนกลับไปปีละหลายครั้ง บ่อยซะจนคิดว่าใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น  คงเพราะความลงตัวของวัดวาอารามตามท้องถนน ที่สามารถเข้าได้เป็นอย่างดีกับร้านกาแฟฮิปๆ โรงแรมชิคๆรอบตัวเมือง และเมื่อก้าวขาออกไปรอบนอก ก็จะพบกับบรรยากาศชิลๆ ถนนที่เห็นวิวทุ่งนา เหวลึกที่ขนาบข้างภูเขาสูง ดอกไม้ในป่ากว้าง หรือแม้กระทั่งชาวเขาหน้าเปื้อนยิ้ม อยากเจออะไรล่ะ ที่นี่มีให้เจอหมดทุกอย่าง  

ทำไมต้องไปบ่อยๆ ทำไมต้องไปที่เดิมซ้ำๆ ก็เพราะการเดินทางในแต่ละครั้ง เราไปด้วยความรู้สึกต่างกัน เราไปหาประสบการณ์ใหม่ๆกับสถานที่เดิมบ้าง ใหม่บ้าง บางครั้งไปกับตัวเอง บางครั้งไปกับคนแปลกหน้า และในบางครั้งก็มีโอกาสไปกับคนที่พร้อมจะเดินทางไปกับเรา แค่คิดจะก้าวขาออกไปจากที่ๆยืนอยู่ แค่หัวใจมีพลัง แค่ทบทวนและหาเวลาให้ตัวเอง แค่เริ่มก็มีความสุขแล้ว เคยได้ยินใครบอกมั้ย สถานที่เดิมๆอาจทำให้เราหลง(ใหล) ในขณะที่ความทรงจำใหม่ๆอาจทำให้เราหลง(รัก)

(เชียงใหม่ - สะเมิง) ทริปนี้มีเวลาน้อยเอาจริงๆคือมีเวลาเที่ยวเชียงใหม่แค่ 2 วัน เพราะต้องเดินทางจากกทม.ในคืนวันศุกร์ที่ 12 ก.พ.และกลับคืนวันที่ 14 ก.พ. (ลางานไม่ได้) อีกอย่างเป็นทริปที่ไม่คิดว่าจะได้มา แต่เมื่อมีโอกาสแล้วเราก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด เดินทางช่วงวันวาเลนไทน์อย่างตั้งใจ แถมอากาศกลับมาเย็นอีกรอบ เอาล่ะหว่า...ใครๆคงไปเชียงใหม่กันเพียบแน่ เป็นไงเป็นกันละกัน! เราวางเเผนการเดินทางในวันแรกจาก "เมืองเชียงใหม่"ไป"สะเมิง"เราพร้อมเก็บทุกสถานที่ที่อยากไประหว่างทางให้ครบ ออกจะเป็นการเดินทางที่โหด แต่โปรดปรานการเที่ยวแบบนี้มาก

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

1. เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

 

 

เห็นใครๆก็ไปกัน เราเลยขอเดินตามรอยสักหน่อย "Meena rice based cuisine"คุณคือเป้าหมายแรกของเรา ได้ยินชื่อร้านนี้มาซักพัก จากรูปข้าวสีธงชาติและอาหารเมนูสุขภาพ ที่จัดจานด้วยดอกไม้ ผลไม้ ที่ทำให้คนที่ไปมาต้องถ่ายรูปอวดจานสวยๆแทบทุกคน เราเลยอยากไปดูบ้างว่าจะสวยแค่ไหน อร่อยเหมือนที่คิดไว้มั้ย ทางร้านตกแต่งสไตล์บ้านไม้ในสวน บรรยากาศร่มรื่น แถมมียุ้งข้าวแบบล้านนาไว้คอยเรียกแขก  น้องๆพนักงานก็อัธยาศัยดีทุกคน 

 

 

 

 

ก่อนที่จะเข้ามาในร้าน เราเข้าไปในแฟนเพจก่อนเพื่อจะดูว่ามีอะไรน่าทานบ้าง จานแรกที่เราเล็งไว้คือ กุ้งชุปข้าวโอ๊ต จานที่สองจากเมนูแนะนำห่อหมกอันดามันส่วนตัวเราเป็นคนชอบห่อหมกมาก ไปที่ไหนก็ต้องสั่ง เลยขอลองซะหน่อย ส่วนจานที่สาม สั่งจากเมนูแนะนำเหมือนเดิมผักเหลียงต้มกะทิกุ้งสดสั่งไปก็นึกขึ้นได้ ใบเหลียงมันของใต้นี่นา มากินเชียงใหม่จะอร่อยมั้ยหว่า ? ได้ครบทั้งสามจาน ไม่ลืมสั่งข้าว 5 สีกับข้าวธงชาติมา หน้าตาเลยออกมาเป็นแบบนี้

 

บรรยากาศรอบๆร้านมีนาร่มรื่นมาก ตรงทางเข้ามีร้านขายเสื้อผ้าและของที่ระลึกด้วย เจ้าของร้านบอกว่า ลูกสาวเป็นคนวาดลายเสื้อแล้วให้แม่ปัก เป็นงาน Hand Madeทั้งหมด ใครชอบไปอุดหนุนได้เลย
 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

2. กินคาวไม่กินหวาน...... (ประโยคหลัง เติมเอาเอง)
 

อิ่มจากของคาวที่ร้าน Meenaแล้วขับรถย้อนออกมาไม่ไกลกันมากนัก มีร้านกาแฟบรรยากาศสบายๆอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจ "ร้านใจบุญ (Jaiboon)" ร้านกาแฟและเบเกอร์รี่ ลักษณะร้านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว มีสวนเล็กๆนั่งเล่นหน้าบ้าน ของตกแต่งร้านก็ดูลงตัวไปหมด ที่นี่เน้นชีสเค้กเป็นหลัก แต่สำหรับเราตอนนี้ ชีสเค้กไม่ไหวจะยัดลงพุง เลยสั่งอะไร Soft Soft มานั่งชิลและดื่มด่ำกับบรรยากาศของที่นี่ อเมริกาโน่ร้อนกับ ไอศครีมชาเขียวเป็นตัวเลือกที่ดี 

 

 



- - - - - - - - - - - - - - -
 

3. ความทรงจำระหว่างทางสำคัญไม่น้อยกว่าปลายทาง
 

หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศจากร้านในตัวเมืองที่เราปักหมุดไว้ ด้วยเวลาที่มีไม่มาก ตอนนี้เลยได้เวลาออกเดินทางไปสะเมิง แน่นอนว่าถ้าพูดถึงอำเภอนี้ ก็ต้องนึกถึงเทศกาลสตรอว์เบอร์รี่ผลไม้แสนโปรดของเรา จะรอช้าทำไม มุ่งหน้าไปเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆกันดีกว่า เราพยายามหาร้านน่ารักจากกระทู้แนะนำหลายๆกระทู้ ว่าไปสะเมิงจะต้องไปร้านไหน สุดท้ายก็มาจบที่ร้านนี้ "เสพศิลป์ กลิ่นกาแฟบ้านนอก เชียงใหม่"ร้านกาแฟที่มีโต๊ะไว้คอยรับแขกเพียบ ร้านแต่งเหมือนเป็นร้านเหล้ามากกว่าร้านกาแฟซะอีก แถมรถจอดหน้าร้านเต็มไปหมด 

 


อันนี้เป็นบรรยากาศรอบๆร้าน

 

ร้านนี้เป็นร้านกาแฟกึ่งร้านเหล้า คือใครอยากดื่มอะไรก็ได้แหละ เราไปตอนบ่ายต้นๆพอดี เอ...ไหนคืออากาศหนาวที่เราอยากเจอ แย่แล้ว! อากาศร้อนจนไม่รู้ว่ามันจะมีอากาศหนาวๆให้สัมผัสมั้ย ชักเริ่มเครียดกับเสื้อผ้าที่อุตส่าห์เตรียมมา ธีมหน้าหนาวอันสดใสของชั้น (พึมพำในใจเบาๆ) เราสั่งแตงโมปั่นและกาแฟอีกเหมือนเคย "เชิญเลือกโต๊ะนั่งได้เลยครับ"ป้ายข้างๆบาร์แปะบอกไว้ว่าทุกอย่างบริการตัวเอง จะสั่งอะไรให้ถือไปด้วย กินเสร็จก็เอามาเก็บ ที่นี่เปิด 10 โมง แต่เวลาปิดขึ้นอยู่กับอารมณ์ (โอ้ว~ จะแนวไปไหน)

 

 

โดยไม่รอช้า รีบเดินไปด้านล่างกะจะนั่งในลำธาร ปรากฎว่าคนเพียบเลย ยังดีที่ได้โต๊ะนั่ง "เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ" วัชราวลีบอกไว้ เราเลยทำตาม ใส่ผ้าใบมา ต้องถอดรองเท้า แต่ตอนขึ้นจะขึ้นยังไง แล้วล้างเท้าที่ไหน converse คู่เก่งเน่าเเน่ๆ แต่ไม่เป็นไร ยอม...อุตส่าห์มาถึงที่นี่ ไม่จุ่มได้ไงเนอะ จุ่มปุ๊บเย็นปั๊บ ฉดชื่น~ ดื่มด่ำบรรยากาศยังไม่ทันหมดแก้ว ต้องรีบไปแล้วล่ะ เดี๋ยวถ่ายรูปแสงเย็นที่ "หลองข้าวสะเมิง"ไม่ทัน ที่นั่นคือจุดหมายปลายทางในฝันของเรา

 

เดินออกมาขึ้นรถเจอ "ดอกเหลืองอินเดีย"กำลังบานสะพรั่ง ดอกไม้ที่เมืองไทย สวยไม่แพ้ชาติใดในโลก

- - - - - - - - - - - - - - -

 

4. ที่นี่ที่ไหน .. ใช่ที่รักรึเปล่า
 

"สะเมิงเองไง"จำไม่ได้เหรอ จริงๆแล้วสะเมิงไม่ได้ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เลย การเดินทางก็สะดวก แถมมีจุดแวะพักให้เที่ยวเล่นตลอดทาง ไม่เหมือนการเดินทางไกลเลย แต่เหมือนเป็นการเรียนรู้เส้นทางท่องเที่ยวสายใหม่มากกว่า พอมาถึงตัวอำเภอสะเมิง ก็พบว่าถนนเส้นหลักที่ใช้เดินทางในวันนี้ ได้ถูกนำไปจัดงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิงพอดิบพอดี ซึ่งแน่นอนเราจะมาแวะเที่ยวกัน แต่ขอเข้าไปเก็บสัมภาระ เปลี่ยนเสื้อผ้า check in ทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน

และในที่สุดเราก็มาถึง"หลองข้าวสะเมิง"รีสอร์ทที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ กับวิถี Slow Life ท่ามกลางทุ่งนาข้าวสาลี สายหมอกและขุนเขาคือขณะที่จินตนาการน่ะคิดถึงภาพสายลมและแสงแดดอ่อนๆ แต่พอเดินลงมาจากรถตอน 4 โมงเย็น ทำไมแดดยังเปรี้ยงขนาดนี้ โอยๆเริ่มท้อ แต่หลังจากที่คุยกับคุณป้าที่คอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองแล้ว คุณป้าย้ำว่า "เดี๋ยวเย็นๆอากาศก็ดีหนู กลางคืนก็หนาว เมื่อคืนยัง 13 องศาเลย"  ไม่รอช้าแล้ว รีบเดินไปที่ห้องพักดีกว่า
 


หลองสะเมิง 4บ้านพักสวยคุ้มกับการเดินทางสุดๆ

 


 

ภายในห้องนอนไม่กว้างมาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ถือว่าโอเคสำหรับการนอนสองคนเตียงไม่มีขาน่าจะไม่กลิ้งตกเตียงคืนนี้นะ แวะเอาห้องนอนมาให้ดูก่อน หลังจากนี้ขอไปเดินเล่นเทศกาลสตรอว์เบอร์รี่ ซื้อของฝากเพื่อนๆที่ออฟฟิศซะหน่อย 

 


หลังจากเปลี่ยนชุดให้เข้ากับบรรยากาศ ก็ขอยืมจักรยานที่รีสอร์ทปั่นไปที่งานทันที อากาศประมาณ 30 องศาแบบนี้ ยอมใจ

 


อวบสวย แดงสด เห็นแล้วอยากขอเหมา

 

เดินชมโซนสตรอว์เบอร์รี่จนครบ ก็พบกับเวทีที่ทางอำเภอจัดการแสดงของเด็กๆมาโชว์ รู้สึกว่าจะเป็นการร้องเพลงประกอบลีลา มีคนแก่บางคนลุกขึ้นเต้นด้วย บรรยากาศน่ารักดี เสียดายไม่ได้ถ่าย เพราะมัวแต่ดมกลิ่นของกินไง 

 

 

เราเดินมาเจอ "ไข่ป่าม"ไข่หน้าตาประหลาดที่เราสงสัยว่ามันคืออะไร มีหลายร้านที่ขาย แต่เดินมาเจอร้านนึงน้องๆนักเรียนมาขาย คอยช่วยกันเรียกลูกค้าตลอด"ไข่ป่ามไหมคะ ไข่ป่าม กินแล้วได้ทำบุญด้วยเราอดสงสัยไม่ได้เลยถามไป คุณครูที่มาด้วยเลยตอบว่า "ถ้าซื้อไข่ป่ามกับเราก็เหมือนได้ช่วยน้องๆไปด้วย 3 อัน 20 บาทเองค่ะ ลองชิมนะคะ" จัดสิคะ ไข่ป่าม ไข่ย่างบนใบตองเป็นอาหารที่คนทางภาคเหนือจะรู้จักกันดี ทำกันง่ายๆ ใส่ตะไคร้ พริก กระเทียม เกลือลงไป พลิกไปพลิกมา กลิ่นยังติดจมูกอยู่เลย พูดแล้วหิว
 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

5. ได้เวลาสูดอากาศบริสุทธิ์ 
 

กลับจากไปเดินเล่น พร้อมขนสตรอว์เบอร์รี่ 5 กล่องไว้ไปฝากคนที่ออฟฟิศ ก็ได้เวลา 5 โมงเย็น แดดอ่อนๆอุ่นๆพอดี ทันทีที่จอดจักรยานและเก็บข้าวของแล้ว ก็รีบกระโดดเข้าไปบนทุ่งนาข้าวสาลีที่เหมือนกำลังอ้าแขนต้อนรับเราเข้าไป ลมเย็นๆเริ่มพัดมาเเล้ว โชคดีจังเลยที่หลองข้าวสะเมิงอยู่ฝั่งพระอาทิตย์ตก แสงแดดสาดมาจากหลังเขาแบบนี้ โรแมนติกชะมัด รีบกดชัตเตอร์แข่งกับเวลาก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า หน้าหนาวพระอาทิตย์ตกเร็วด้วย

 


ป้ายคลาสสิคของหลองข้าวสะเมิง สะท้อนแสงได้ด้วย

 


อันนี้เป็นบรรยากาศรอบๆ ต้นไม้ใบไม้ร่วงหมด สมกับที่เป็นหน้าหนาว

 


นางแบบจำเป็นชุดที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดนัดแถวออฟฟิศยังไม่ทันซัก ได้ใช้งานทันที

 


 

พอแดดเริ่มหมดอากาศก็ยิ่งเย็นบรรยากาศแสนดีเริ่มมาสถานที่สวยงามจะไม่น่าจดจำ ถ้าเราไม่มีความทรงจำดีๆกลับมาด้วย มาดูบรรยากาศตอนโพล้เพล้ใกล้ค่ำกันบ้าง แสงหมดแล้ว ได้เวลาไปหาอะไรร้อนๆใส่พุง คุณป้าบอกว่าใกล้ๆรีสอร์ทมีร้านหมูกระทะ เลยรีบเดินออกไปเพราะเริ่มค่ำ อากาศก็ยิ่งหนาว แต่เดินเท่าไรก็ไม่เจอซักที เลยเเวะถามลุงเเถวนั้น  ลุงบอกว่า นู่นน อยู่ตรงนู้นนน ระยะของแขนที่เปิดกว้างทำให้เราตัดสินใจกลับไปเอาพาหนะอันเป็นที่รัก ปั่นๆจักรยานไปกินหมูกระทะ  อิ่มแบบสบายๆเลยคืนนี้  ไม่ทันไรก็เช้า อยู่บนที่นอนไม่ไหวเเล้ว อากาศดีจนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าแปลกใจว่าทำไมไม่อาบน้ำ! หนาวขนาดนี้ จะอาบให้ผิวแห้งไปทำไมกัน เหงื่อก็ไม่ออก ล้างหน้าแปรงฟันก็พอ 

 

เริ่มเก็บบรรยากาศตอนเช้า พระอาทิตย์ขึ้นก็สวย พระอาทิตย์ตกก็สวย
 
อาหารเช้า ข้าวต้มทรงเครื่อง หมูก้อนใหญ่มาก แล้วก็มีโอวัลติน กาแฟร้อนๆให้ดื่ม เคียงด้วยปาท่องโก๋แสนอร่อย
 
 
บริเวณรีสอร์ทมีสวนสตรอว์เบอร์รี่ด้วย คุณป้าบอกว่า "เก็บกินได้เลยลูก"เดินไปจะถ่ายรูปไม่เจอลูกใหญ่ๆซะเเล้ว เพราะคุณป้าเก็บไปขายให้กับคนที่เข้าพักในรีสอร์ทด้วย จริงๆบรรยากาศแบบนี้ไม่ต้องไปถึงต่างประเทศเลย อยู่เมืองไทยนี่ล่ะได้ทุกรสชาติ แล้ววันหนึ่งเราจะกลับมาใหม่นะ "สะเมิง" 
 
- - - - - - - - - - - - - - -
 
6. เราจะคิดถึงวันที่สวยงามเมื่อเวลาผ่านไป
 
และแล้วก็ถึงเวลาต้องเดินทางกลับ เราวางแผนจะใช้เส้นทางจากสะเมิงไปแม่ริมก่อน เพื่อจะแวะ Homestayน่ารักๆแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในตัวอำเภอ และร้านกาแฟที่เราปักหมุดเอาไว้ว่าจะต้องไปให้ได้อีกซักสองร้าน อำเภอแม่ริมอยู่ทางตอนบนของตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งอำเภอที่น่าสนใจ เพราะเป็นศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังขยายตัว ทั้งรีสอร์ท ทั้งร้านกาแฟ หรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกเต็มไปหมด ขับรถกันไม่นานนักก็มาถึงอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของเรา "Good Old Day Chiang Mai" วันนี้ไม่ได้คิดจะมาพัก เพียงตกหลุมรักรูปที่พักจากแฟนเพจ ทำให้เลือกที่จะเดินทางมาอย่างตั้งใจ และก็เป็นไปอย่างที่คิด บ้านหลังนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ 
 
 
 
 
ข้าวผัด Good Old Dayเป็นข้าวผัดกับไส้อั่ว

- - - - - - - - - - - - - - -
 
7. จงอยู่ในที่ที่ทำให้เรายิ้มได้
 
มีใครเสพย์ติดบรรยากาศร้านกาแฟมั้ย เราเป็นคนหนึ่งที่ดื่มกาแฟไม่ค่อยได้ เพราะดื่มแต่ละครั้งก็รู้สึกว่าใจสั่น เวียนหัวตลอด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเราก็ยังอยากที่จะดื่มด่ำบรรยากาศร้านกาแฟอยู่ดี โดยมักจะหาร้านกาแฟสไตล์ที่เราชอบ ประเภทร้านกาแฟที่เป็นตัวของตัวเอง คือ เป็นร้านที่เจ้าของคิดจะทำเอง ไม่ใช่ร้านแฟรนไชส์ทั่วไป และเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการมาละแวกอำเภอแม่ริมในวันนี้ จึงเลือกไปร้าน "ผ่อดอย คาเฟ่ (Pordoi cafe)"ที่อยู่ไม่ได้ไกลนักจาก Good Old Day ซึ่งร้านนี้เจ้าของได้ให้สถาปนิก Renovate จากบ้านไม้เก่าอายุ 20 ปี โดยคัดส่วนที่ยังใช้ได้ นำมาประกอบได้ประมาณ 70% เกิดเป็นร้านกาแฟในฝันขึ้นมา  
 
 
อันนี้เป็นส่วนของห้องสมุดที่ทางร้านทำให้กับลูกค้าที่เป็นหนอนหนังสือผู้รักการอ่านไว้พักผ่อนหย่อนใจ
 
 
เดินทางแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ เราได้เก็บเกี่ยวความสุขในทุกๆช่วงของวัน ได้ทำให้หน้าของเราเปื้อนยิ้มเวลาได้พูดคุยกับใครๆ ได้เจออะไรใหม่ๆ รวมถึงได้มีความทรงจำกับคนที่อยู่ตรงหน้ามากยิ่งขึ้นด้วย "การเดินทางที่ดี จะทำให้ผู้เดินทางมีความสุขเสมอ" 
 
- - - - - - - - - - - - - - -
 
8. ไกลแค่ไหนคือใกล้
 
อากาศอันร้อนอบอ้าว ไม่ได้ทำให้ท้อ ยังคงมุ่งหน้าไปตามแพลนที่วางไว้เหมือนเคย ก่อนที่จะเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ขอแวะไปร้านที่กำลังดังตามกระแสสักหน่อย จะเป็นที่ไหนได้นอกจาก "CHIC 39 Bed Bar & Bakery" ไปถึงหน้าร้าน รถจอดอยู่เยอะมาก ซึ่งนั่นก็เป็นการการันตีได้เลยว่า ร้านนี้กระแสเค้ามาแรงจริงๆ  
 
ตัวร้านดูใหญ่ เเละติดกับร้านก็จะเป็นโซนที่พัก
 

 
เมื่อเข้าไปในร้านปรากฎว่า โต๊ะเต็ม !เกือบเดินถอยหลังกลับเเล้ว เพราะอากาศก็ร้อนแถมในตัวร้านเป็น Open Air อีก แย่แน่ๆ แต่ยังไม่ทันหันกลับ พนักงานเสิร์ฟก็เดินมาบอกว่า มีโต๊ะเล็กๆตรงมุมด้านนอก เรียกว่าหลบมุมดีกว่า แถวๆบันไดด้านนอกก็มีพัดลมไอน้ำพอจะพัดให้เย็นชื่นใจ เลยขอเก็บบรรยากาศด้วยกล้องเล็กของตัวเองมาให้ดูนิดนึง
 


- - - - - - - - - - - - - - -

9. จะเก็บเธออยู่ในใจเสมอ

 
มองนาฬิกาเวลาพอมีเหลือก่อนกลับกรุงเทพ เราจึงเลือกที่จะเช็คบิลเพื่อจะไปหาบรรยากาศเย็นสบายริมแม่น้ำปิงนั่งเล่น จึงพยายาม search หาร้านที่เราเคยเห็นตามรีวิวอีกครั้ง แล้วลงเอยที่ร้าน"เคลิ้ม"ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง เป็นบรรยากาศสบายกลางสวน ริมแม่น้ำปิง
 
 
 
ทุกอย่างเป็นไปตามแพลน ความสุขก็เกิดขึ้นตามแพลนเช่นกัน เราชอบยิ้ม เพราะรอยยิ้มเกิดจากความสุข เราชอบเดินทาง เพราะการเดินทางทำให้เรามีความสุข เราชอบความสุข เพราะความสุขทำให้เราอยากใช้ชีวิต แต่ละคน เลือกที่มีความสุขด้วยวิธีแตกต่างกัน แต่สำหรับเราแล้วเราเลือกที่จะใช้ชีวิตทุกวันไปกับสิ่งที่ทำให้หน้าของเราเปื้อนยิ้ม ระยะทางไม่เคยไกล หากเราเดินทางด้วยหัวใจ "เชียงใหม่"ใกล้แค่คิดถึง
 
- - - - - - - - - - - - - - -
 

ขอบคุณ เรื่อง http://pantip.com
Facebook : NoTee PreeyanutSabtarin Eos
Instagram : littlenotee

เรียบเรียง Review Chiangmai
 



 

ท่านใดมีสถานที่ท่องเที่ยวเส้นเชียงใหม่ - สะเมิงและแม่ริมเจ๋งๆ แนะนำเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

 

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

ซอยเล็ก ซอยน้อย ซอยได้บ่อย ซอยดีๆ - เจ๋งชวนเดินเที่ยวราชวิถี รู้ตัวอีกทีทะลุมูลเมือง

$
0
0

 

        เอาจริงๆ ขนาดคูเมืองเชียงใหม่ถ้าดูเผินๆ ก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากเลยนะ แต่เจ๋งยังแปลกใจทุกครั้งที่ได้มีโอกาสเดินสำรวจพื้นที่สี่เหลี่ยมแห่งนี้ ล่าสุดกับการเดินเรื่อยเปื่อยตัดซอยโน้น ออกซอยนี้ จนไปเจอเข้ากับซอยเล็กๆ ซอยหนึ่งในคูเมืองนี่แหละ เดินรอบแรกเริ่มไม่แน่ใจว่านี่เรากำลังอยู่ในเชียงใหม่รึเปล่า เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่ฝรั่งชาวแบ็คแพ็คเกอร์ มีคนต่างชาติ รวมถึงพี่ๆ จากจีนประปราย ด้วยความที่ถนนเส้นนี้แคบ และเล็ก มันเลยกลายเป็นเสน่ห์ ปนความแปลกใจว่า พื้นที่แค่นี้ มีร้านเท่ๆ รวมกันอยู่เยอะมากขนาดนี้เลยเหรอเจ๋งเลยอยากทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่นี่ พาเที่ยวแถวนี้ซะเลย และนี่คือการรวมเอาเหล่าร้านเด็ด ร้านดีที่อัดแน่นอยู่แทบจะทุกตารางนิ้ว ของถนนเล็กๆ ในคูเมืองที่อยากให้ไปตีสนิทกันในเร็ววัน

         
ราชวิถี ถนนเส้นหนึ่งในบริเวณพื้นที่สี่เหลี่ยม ที่ชาวเชียงใหม่เรียกกันว่าคูเมือง ถูกซอยย่อยเป็นราชวิถีซอย 1 ราชวิถีซอย 2 แถมมีเพื่อนบ้านเป็นถนนมูลเมืองที่อยู่ติดกันด้วย แนะนำให้หาที่จอดมอเตอร์ไซค์ด้านนอก แล้วเดินเท้าเข้าซอยนี้ เพราะด้วยขนาดร้านพื้นที่รวมถึงอารมณ์ที่คุณจะได้เวลาใช้สองเท้าเดิน จะรู้สึกประหนึ่งว่าเป็นนักท่องเที่ยว ที่มาจากต่างบ้านต่างเมืองจริงๆ มีร้านเซอร์ไพรส์ทุกร้อยเมตร พร้อมแล้วเตรียมกล้องถ่ายรูปกระชับรองเท้าแล้วออกเดินกินลมชมฝรั่ง //เอ้ยยชมวิวกับเจ๋งเลยดีกว่า

- - - - - - - - - - - - - - -

 

1.Graph Café – กาแฟดีๆ อยู่นี่ไง

 

 

พิกัด : ถนนราชวิถีซอย 1 ร้านอยู่ตรงข้ามตู้ ATM ธนาคารกรุงศรี
เวลาเปิด : 09.00 - 17.00 น.
Facebook : www.facebook.com/graphcafe.chiangmai
Instagram : graphcafe

 

 

ร้านขวัญใจนักท่องเที่ยว และฮิปสเตอร์คอกาแฟชาวไทย ถึงแม้จะมีขนาดเล็กน่ารัก แต่ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาใช้บริการไม่ขาดสาย ร้านนี้มีกาแฟให้เลือกชิมหลากหลายรูปแบบ ทั้งร้อน, เย็น และ Cold Brew หรือจะเน้นสัมผัสใหม่ของการดื่มกาแฟด้วย Nitro Coffee ก็มีให้บริการเหมือนกัน ลูกเล่นการเสิร์ฟกาแฟแบบอัดไนโตรเข้าไป คล้ายการจิบเบียร์ แต่ให้รสที่นุ่มกว่า ส่วนใครชอบดื่มร้อน เจ๋งแนะนำให้สั่ง Piccoloกาแฟแก้วเล็กๆ แต่รสชาติยิ่งใหญ่สุด รสชาติโดยรวมคล้ายลาเต้ แต่เข้มกว่ามากๆ จิบได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล แถมยังมี Cold Brewแบ่งใส่ขวดไว้ให้ซื้อกลับไปฟินที่บ้านอีกด้วย มีให้เลือกชิม 3 ชนิด 3 คาแร็กเตอร์รสชาติ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของร้าน Graph Café อยู่ตรงที่เขาจะเปลี่ยนเมล็ดกาแฟไปเรื่อยๆ ทุก 3 เดือน เพื่อให้ลูกค้าได้รสใหม่ๆ อยู่เสมอ อย่างล่าสุดกาแฟที่ร้านจะหอมกลิ่นคาราเมลอ่อนๆ ได้อารมณ์การดื่มกาแฟไปอีกแบบ

 

Piccolo เมนูแนะนำของร้าน Graph หอม และเข้มข้นมากๆ กลมกล่อมโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลเลย

 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

2. สมานมิตร – กาแฟแฮนด์เมด

 

 

พิกัด :ถนนราชวิถีซอย 2
เวลาเปิด : 07.30 - 17.00 น.
โทร : 08 2389 9596
Instagram : samammitr.house

 

 

มาร้านนี้ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ ให้ดูตึกขนาด 2 ชั้น สีส้มๆไว้ สมานมิตรจะอยู่ตรงนั้นเลย ร้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จัดวางโต๊ะไว้แบบพอดีๆ หน้าบาร์ 2 ตัว ข้างๆอีก 1 โต๊ะ พิเศษตรงมีชั้น 2 ของร้าน เป็นระเบียงแบบเปิดโล่งให้สั่งกาแฟขึ้นไปรื่นรมย์กันด้วย กาแฟร้านนี้ถ้าบอกว่าเป็นกาแฟแฮนด์เมดก็คงไม่ผิดนัก เพราะเขาใช้เครื่องชงกาแฟแบบAeropress 100%กาแฟที่ได้จากการชงเครื่องชนิดนี้ จึงไม่ได้เข้มขมแบบสุดโต่ง แต่จะดึงเอาความหอมของตัวกาแฟออกมาได้ดีมากๆ จะชงทีบาริสต้าก็จะพิถีพิถันรินน้ำร้อน แล้วใช้แรงมือกดเอาความเข้มออกมาสร้างเป็นเครื่องดื่ม เมนูแนะนำของร้านที่มาเป็นต้องโดนคือ “สมานมิตร” ที่เลือกได้ทั้งร้อนและเย็น ซึ่งนอกจากความเข้มข้นของกาแฟแล้วยังมีกลิ่นหอมของมิ้นต์ ชินนามอน และกระวานด้วย แถมที่ร้านยังมี Cold Drip ใส่ขวดไว้ให้ซื้อกลับบ้าน ขนมอบเล็กๆ น้อยๆ และแมวหน้าตากวนโอ้ย คอยเป็นพนักงานต้อนรับของร้านด้วยนะเออ

 

หน้าตาเครื่อง Aeropress ที่สมานมิตรใช้ทำกาแฟ ดูเผินๆ นึกว่าเครื่องมือทดลองวิทยาศาสตร์

 

ลูกพี่ใหญ่ของร้านนี้ ที่ใครมาที่นี่ก็ต้องเจอพี่เขาคอยต้อนรับ

 

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

3. ชงเข้าเส้น – กาแฟไทย สไตล์เวียดนาม

 

 

พิกัด :ถนนมูลเมืองซอย 6 จากจุดตัดระหว่างราชวิถีซอย 2 เดินประมาณ 20 เมตร
เวลาเปิด : 09.00 - 19.30 น.
โทร : 08 4611 1074
Facebook : www.facebook.com/ChongKhaoSen

 

ฟิลเตอร์ตามแบบฉบับเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นเครื่องชงกาแฟของร้านนี้

 

ชงเข้าเส้นเป็นร้านเล็กๆ ให้บริการอยู่บนรถขนาดกำลังดี ความแปลกใหม่ที่เชิญให้เข้าไปลองคงเป็นสไตล์การชงกาแฟ ที่คุณบอยเจ้าของร้าน บอกว่าเป็นลักษณะที่เอามาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม โดยใช้ฟิลเตอร์แสตนเลสนำเข้าเป็นตัวกรอง ร้านจะบดกาแฟทับไปด้านบน เติมน้ำร้อน แล้วรอเวลาที่น้ำกาแฟจะหยดลงมาสู่แก้วเบื้องล่าง ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ได้กาแฟที่เข้มข้น เพราะกว่าที่มันจะหยดมาแต่ละที น้ำร้อนก็ดึงเอารสชาติของกาแฟมาแบบเต็มสูบ อยากลองเข้มๆ ก็สั่งเอสเพรสโซ่มาจิบได้เลยเพราะเขาทำเสิร์ฟกันแก้วต่อแก้ว หรือถ้าจะสั่งเป็นเครื่องดื่มเย็นมาก็ชิลล์ได้เหมือนกันนะ มั่นใจเรื่องคุณภาพได้ เพราะคุณบอยเจ้าของร้าน มีไร่กาแฟส่วนตัวอยู่ที่ดอยลังกา จ.ลำปาง กาแฟที่ผ่านมาถึงร้านนี้ จึงดูแลมาอย่างดีตั้งแต่ยังเป็นต้นเล็กๆ เลยทีเดียว

 

ลูกค้าที่มาชิม “ชงเข้าเส้น” จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ เลย คนไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น เรียกได้ว่านานาชาติจริงๆ

 

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

4. Rendee Design – กิน อยู่ ใช้  สไตล์ออร์แกนิก

 

คุณหงส์และภรรยาชาวญี่ปุ่น พร้อมลูกสาววัยกำลังน่าร้ากกก

 

พิกัด :ถนนมูลเมืองซอย 6 จากจุดตัดระหว่างราชวิถีซอย 2 เดินประมาณ 30 เมตร 
เวลาเปิด : 10.00 - 19.00 น.
โทร : 08 8269 5802
Facebook : 
www.facebook.com/RendeeDesign

 

 

 

ของในร้าน Rendee Design ส่วนใหญ่ จะเป็นงานแฮนด์เมด สินค้าออร์แกนิกจากคนญี่ปุ่น รวมถึงผลผลิตจำพวกของกินของใช้ ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ด้วยนะ

 

อีกหนึ่งร้านชิค ที่ซ่อนตัวอยู่ย่านนี้ เพราะ Rendee Design เป็นเหมือนจุดนัดพบของคนญี่ปุ่นที่อยู่ในเชียงใหม่ นำโดยคุณหงษ์เจ้าของร้านผู้เป็นทูตกระชับสัมพันธไมตรีกับชาวญี่ปุ่น โดยมีลูกสาวตัวน้อยเป็นหลักฐาน ในร้านเราได้เห็นกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นผ่านเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้เล็กๆน้อยๆ รวมทั้งเครื่องดื่มอย่างกาแฟออร์แกนิก และน้ำบ๊วยที่หาทานที่ไหนได้ยากด้วย เพราะคุณหงส์จะชอบเอาสินค้าจากกลุ่มเพื่อนชาวญี่ปุ่นมาขายในร้าน ยกตัวอย่างเนื้อบ๊วยเข้มข้นในขวดแก้วเล็กๆ  อยากทานเมื่อไรก็เอาไปละลายน้ำร้อน เปรี้ยวอมหวาน ที่ร้านเลยมีเมนู บ๊วยโซดาให้ชิม เจ๋งชิมมาเรียบร้อย ชื่นใจสุดๆ ไปเลย นั่งจิบเครื่องดื่มไปพลาง เลือกซื้อของใช้ไปด้วย เพลินมากๆ

 

หนึ่งในสินค้าที่มีขายเฉพาะที่ร้านก็คือ เนื้อบ๊วยกระปุกนี้ คนญี่ปุ่นรวมกลุ่มกันผลิต โดยรับบ๊วยมาจากเผ่าปกาเกอะญอ เป็นการเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านด้วยนะ 

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

5. Rainbow Water – จิวเวลรี่หินแล้วฟินกับผ้าใยกัญชง

 

 

พิกัด :ถนนมูลเมืองซอย 6 จากจุดตัดระหว่างราชวิถีซอย 2 เดินประมาณ 30 เมตร 
เวลาเปิด : 10.00 - 19.00 น.
โทร : 08 8269 5802
Facebook : 
www.facebook.com/RainbowWaterChiangmai

 

สินค้าภายในร้านมีครบทั้งเสื้อผ้า ของใช้เล็กๆ น้อยๆ หมวก กระเป๋า ส่วนใหญ่ทำงานผ้าฝ้าย และผ้าใยกัญชง

 

Rainbow Water ร้านนี้กำแพงอยู่ติดกับร้าน Rendee Design เลยนะ เดินข้ามมาประมาณ 3 ก้าวถึงเลย รวบรวมของใช้จำพวกเสื้อผ้า ดีไซน์แบบมินิมอล การตัดเย็บแบบพิถีพิถัน และใช้เนื้อผ้า รวมทั้งวัสดุที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก ทั้งผ้าใยกัญชง ผ้าฝ้าย มีหมดทั้งเสื้อคลุม กางเกง ผ้าปิดปากปิดจมูก ยาวไปจึงชุดชั้นใน ที่ดูท่าจะใส่สบายมากๆ เพราะเจ้าของแบรนด์ชาวญี่ปุ่น เป็นผู้ออกแบบสินค้าเกือบทุกชิ้นในร้าน แถมด้านในยังมีจิวเวลรี่หินสวยๆ อีกเพียบให้เลือกได้มิกซ์แอนด์แมทซ์ สาวๆ มาร้านนี้ร้านเดียว ได้ครบสำหรับออกงานชิคๆคูลๆ แน่นอน ตอนท้ายพี่เจ้าของร้านเขาบอกมาด้วยนะว่าสินค้าในร้านแต่ละชิ้น หมดแล้วหมดเลย ออกแบบมาเรื่อยๆ ถ้าชอบก็ซื้อเลยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

6. 18 Terrace Food & Beverage – ผัดไท แต่สูตรจากออสเตรเลีย

 

ผัดไทร้านนี้ได้สูตรน้ำซอสมาจากออสเตรเลีย เลือกได้หมดทั้งหมู ทะเล และมังสวิรัติ เริ่มต้นแค่ 49 บาทเท่านั้น

 

พิกัด :ถนนมูลเมืองซอย 6 ร้านอยู่ตรงจุดตัดระหว่างราชวิถีซอย 2
เวลาเปิด : 07.00 - 22.00 น.
โทร : 09 3131 8155
Website : www.18terrace.com

 

 

เกสท์เฮ้าส์ขนาดอบอุ่น ตรงจุดตัดระหว่างมูลเมืองซอย 6 และราชวิถีซอย 2 แบบพอดิบพอดีร้านนี้ เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาได้สักพักแล้ว เพราะเท่าที่เห็นนอกจากห้องพัก ร้านอาหาร และบริการทัวร์ 18 Terrace ยังมีสวนหย่อมขนาดเล็ก และระเบียงด้านบนให้สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ขึ้นไปนั่งกินลม ชมฝรั่งกันอีกด้วย คุณหน่อยเจ้าของเกสท์เฮ้าส์บอกว่า ลูกค้าเกือบ 100% ของที่นี่เป็นคนต่างชาติ เมนูอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งที่พักก็เลยถูกคิดค้นมาให้เข้ากับกลุ่มลูกค้า พระเอกหลักของร้านคงเป็น ผัดไท ที่ชื่อก็ดูไท้ ไทยแล้ว แต่สูตรนี่โดนเอาไปพัฒนาที่ออสเตรเลียมาแล้วนะ เนื่องจากสามีของคุณหน่อยเคยทำงานอยู่ที่โน่นกว่า 20 ปี มีร้านอาหารไทยที่โน่นกว่าอีก 4 สาขา รสชาติผัดไท ที่ฝรั่งกินจะเป็นยังไง มาชิมได้ที่ร้านนี้เลย นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ อีกเพียบ ทั้งมะมะม่วงปั่น มูสลี่โยเกิร์ตผลไม้สด ข้าวผัด ใครอยากทดลองทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบเต็มรูปแบบ มาที่นี่รับรองครบทุกอารมณ์แน่นอน เผลอๆ ได้เพื่อนกลับไปด้วยก็ไม่รู้นะ (ฮ่า)

 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

7. Nanairo – เที่ยวบ้านศิลปิน

 

 

พิกัด :ถนนมูลเมืองซอย 6 ร้านอยู่ตรงจุดตัดระหว่างราชวิถีซอย 2
เวลาเปิด : 07.00 - 22.00 น.
โทร : 08 6908 3776
Facebook : www.facebook.com/moonhutte-222500341103232

 

 

ชั้นบนของ Nanairo มีสินค้าแบรนด์ moonhutte และ Traps ให้เลือกซื้อด้วย ใครชอบแนวนี้แนะนำเลย

 

เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เจ๋งอธิบายอย่างนี้แล้วกันเนอะ ลองจินตนาการว่า Nanairo (นานาฮิโร๊ะ) เป็นเหมือนห้างๆ หนึ่ง ซึ่งรวบรวมร้านขายของ ร้านอาหาร และสตูดิโอเจ๋งๆ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน บ้านขนาด 2 ชั้น แบ่งพื้นที่ชัดเจนออกเป็น 3 ส่วน โดยชั้นบน ที่เป็นร้านจำหน่ายสินค้าจากแบรนด์ moonhutteและ Traps สองแบรนด์จากดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น ภายในร้านเราเลยได้เห็นเสื้อผ้าแบบลิมิเต็ด หมดแล้วหมดเลย มีน้อยชิ้น แต่หลากหลายแบบให้ได้เลือกซื้อกัน แถมมีของใช้ เครื่องประดับจากแดนไกล ที่เวลาเจ้าของเดินทางไปไหนก็มักจะขนติดไม้ติดมือกลับมาขายด้วยเสมอ สินค้าพวกนี้ก็เลยหมดแล้ว หมดเลยเช่นกัน เดินเลือกเพลินมากๆ เพราะทั้งบรรยากาศ สถานที่ การแต่งร้าน เหมือนเราเดินไปเลือกซื้อของในบ้านเพื่อนสนิทเลยแหละ

 

ตัวอย่างสบู่ที่มาจากทิเบต ตอนเจ้าของร้านไปเที่ยวแล้วหิ้วกลับมา มีไม่กี่ชิ้น หมดแล้วหมดเลยนะจ๊ะ

 

 

 

 

นอกจากร้านด้านบนแล้ว ด้านล่างยังบรรจุไปด้วยร้านเท่ๆเพียบ ทั้งร้านขายเซรามิกแฮนด์เมด ชื่อ “ถ้วยถัง กะมัง หม้อ” ของชิ้นเล็กๆ น่ารัก  ร้านอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน มีแก้วน้ำ กาน้ำ แจกัน และของน่ารักๆ ทำมืออีกเพียบ ข้างๆ กันเป็นสตูดิโอของศิลปินต่างชาติ ด้านนอกโซนโอเพ่นแอร์ จะมีร้าน Norma คอยให้บริการดับความหิว ด้วยสลัด แซนด์วิซ และเครื่องดื่มสดชื่นๆ ไว้ดับร้อนด้วยนะจ๊ะ เรียกได้ว่า มาครบที่เดียว ได้ของฝาก อิ่มท้อง แถมได้ชมงานศิลปะจากศิลปินตัวเป็นๆ อีกด้วย

 

สินค้าจากร้าน “ถ้วย ถัง กะมัง หม้อ” เหมือนเดินชมงานศิลปะขนาดย่อมๆ กลางเมืองเลยแหละ

 

 

บรรยากาศภายนอกของ Nanairo ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ แดดไม่แรงมาก นั่งพัก แล้วเดินเที่ยวต่อได้สบายๆ 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

 

ท่านใดมีที่กิน ดื่ม เที่ยว บนถนนราชวิถีหรือมูลเมืองเจ๋งๆ แนะนำเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

 

4 พิกัด นั่ง นอน แช่ ณ ริมน้ำ เย็นฉ่ำดับร้อนในเชียงใหม่

$
0
0

พักร้อน ริมน้ำ เชียงใหม่

มานี่มีเดีย ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง เชียงใหม่

 

ก้าวเข้าสู่เดือนมีนาคม ก็ต้องอัญเชิญเสื้อกันหนาวกับผ้านวมหนาๆไปเข้าตู้ เตรียมตัวต้อนรับหน้าร้อนที่กำลังมาหายใจรดต้นคอเราอยู่ขณะนี้ แต่อย่าเพิ่งเบ้หน้าท้อใจ เพราะไม่ว่าจะหนาวหรือร้อน เชียงใหม่ของเรา ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆไว้ให้พวกเราได้ไปเยือนอยู่เสมอ โดยเฉพาะ 4 พิกัดต่อไปนี้ ที่ขอแนะนำให้ไปนั่ง นอน แช่ ณ ริมน้ำ ให้เย็นฉ่ำดับร้อนกันแบบสะใจได้ทั้งลูกหลาน ไปจนถึงลุง ป้า น้า อาเลยทีเดียว อย่ามัวรอช้า ! รีบระบุพิกัดไว้ แล้วเตรียมตัวเดินทางให้ไว
 

- - - - - - - - - - - - - - -

1. พัทยา เมืองฮอด 

- ไปนอนกอดสายน้ำให้ชุ่มปอด
 

 

พิกัด : ตำบลหางดง อำเภอฮอด
เบอร์โทร : เทศบาลตำบลหางดง 053-030609
Facebook :พัทยา เมืองฮอด

สถานที่คลายร้อนมาแรงที่คนเมืองฮอดทุกคนรู้จักกันดี แถมนักท่องเที่ยวต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง นาทีนี้ต้องยกให้ที่นี่เลย พัทยา เมืองฮอด แหล่งพักผ่อนที่ตั้งบนลำน้ำแม่แจ่ม ติดถนนสายฮอด - แม่สะเรียง ลักษณะเป็นซุ้มไม้ตั้งเลียบไปกับลำน้ำ เริ่มตั้งแต่กิโลเมตรที่ 3 - 9 งานนี้ชอบร้านไหน เลือกแวะได้ตามอัธยาศัย ซึ่งที่นี่เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นดี ไม่เป็นอันตราย เพราะน้ำตื้นประมาณเข่าเท่านั้น และพื้นก็เป็นทราย เหยียบเดินเล่นลุยน้ำได้สบาย ช่วงที่พีคที่สุด คือ มีนาคม - เมษายนนี้เอง จะไปพักผ่อนหย่อนใจ หลบร้อน กินข้าวชมวิว หรือลงเล่นน้ำให้สะใจก็ได้ทั้งนั้น รออะไรล่ะ ลุยสิ !

 

 

Happy Happy

Posted by Aom Pattamon on Thursday, February 25, 2016


- - - - - - - - - - - - - - -

 

2. แม่วาง 

- เส้นทางล่องแพไม้ไผ่ ใจเปียกปอน
 

 

พิกัด :ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง
เบอร์โทร :เทศบาลตำบลแม่วิน 053-027777
Facebook : ล่องแพ อ.แม่วาง

 

นอกจากผาช่อ วัดหลวงขุนวิน และปางช้างแม่วางแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่ทุกคนที่มาเยือนแม่วางไม่ค่อยพลาด ก็คือการนั่งเล่น กินลม ชมวิว ริมสายน้ำแม่วินนี่แหละ เมื่อขับรถออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปทางอำเภอแม่วาง 30 กิโลเมตร และเข้าสู่ตัวตำบลแม่วิน เราก็มาถึงจุดหมายที่รอคอยแล้ว เช่นเดียวกับที่พัทยา เมืองฮอด ที่นี่ก็มีซุ้มริมน้ำ ให้เราได้เลือกแวะเข้าไปใช้บริการเต็มไปหมด ซึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่อหน่อย ก็เป็นซุ้มของปางช้างแม่วางนั่นเอง (ติดต่อ 053-027658) แต่ถ้าการนั่งผ่อนคลายริมน้ำยังไม่ค่อยครื้นเครง แนะนำให้ลองล่องแพไม้ไผ่ดู โดยสายน้ำที่นี่จะไหลเอื่อยๆ และระดับน้ำก็ไม่ลึกนัก คนไม่เคยล่องแพมาก่อนก็เล่นได้โดยไม่เสี่ยงเกินไป ราคาประมาณแพละ 350 บาท (นั่งได้ 4 คน รวมคนถ่อ) ถ้าไม่เอาคนถ่อเหลือ 300 บาท ติดต่อซุ้มที่เราเข้าไปนั่งได้เลย เค้าจะพาไปจุดลงแพเอง ยกตัวอย่างเช่น ร้านล่องแพแม่วาง ป้าแต๊ ซึ่งจะมีทั้งบริการซุ้มริมน้ำ อาหารและล่องแพไม้ไผ่ (ติดต่อ 097-9708790)

 

บรรยากาศดีดี๊55555555

Posted by Sakun Moonsarn on Friday, February 26, 2016
 
 

ตูดช้างดีงามมมมม

Posted by หมิวมู่ซู่ซ่า จุดจุด on Thursday, April 23, 2015
 

 

 

Me vs Nature #รอยด่างแห่งล้านนา #goprothailand

A photo posted by Ploi Horwang (@paloyh) on


พลอยหอวังก็มา
 

น้ำตื้น เย็นไปถึงก้น

Posted by Jap Veeranat on 22 ธันวาคม 2015


- - - - - - - - - - - - - - -

 


3. แก่งกื๊ด 

- ล่องแก่งน้ำจืดสุดโหด แล้วไปกระโดดให้น้ำกระเซ็น

 

 

พิกัด : บ้านสบก๋าย ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง 
เบอร์โทร : เทศบาลตำบลกื๊ดช้าง 053-104022-3
Facebook : แก่งกื๊ด แม่แตง

 

ลืมบรรยากาศริมน้ำที่สงบเงียบไปได้เลยเมื่อมาเยือนแก่งกื๊ด แห่งสายน้ำแม่แตง เพราะที่นี่จะมีแต่คำว่าสนุกและตื่นเต้นเท่านั้น ขณะที่นั่งเล่น นั่งชิลที่ซุ้มริมน้ำนั้น เราจะได้พบกับแพยางที่พากลุ่มนักท่องเที่ยวล่องแก่งมาจากต้นน้ำ ส่งเสียงเฮฮากันมาตลอดทาง เพราะว่าที่นี่ คือสถานที่ล่องแก่งสุดระทึกยอดนิยมแห่งหนึ่งในเอเชีย ซึ่งมีระดับความยากของการล่องแก่งตั้งแต่ระดับ 2 - 5 มีทั้งแก่งโค้งหน้าผา แก่งลดระดับและแก่งน้ำตก รวมระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร หรือใครไม่ถนัด อยากลองลอยตัวไปตามน้ำแบบเบสิค ก็สามารถเลือกลอยตัวในห่วงยางแถวๆซุ้มที่นั่งก็ได้ ปลอดภัยกว่าและสนุกไปอีกแบบ

 

 

บางความทรงจำเก่าๆก็ยังงดงามมิคลาย

A photo posted by Kookui_Badboyvalley (@kookui_badboyvalley) on


 

- - - - - - - - - - - - - - - 


4. แก่งปันเต๊า 

- เค้าว่าให้หนีร้อนไปพึ่งเย็น
 

 

A photo posted by Bond (@jamesbondza) on

 

พิกัด :ท่าน้ำปิง บ้านแก่งปันเต๊า ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว
เบอร์โทร :เทศบาลตำบลเมืองนะ 053-045082-3
Facebook :แก่งปันเต๊า

 

ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ อีกหนึ่งสถานที่คลายร้อนที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือแก่งเล็กๆที่เป็นฝายกันน้ำของชาวบ้าน เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก บรรยากาศจึงยังเงียบสงบอยู่ น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา(ถ้าโชคดี) ความพิเศษนั้นอยู่ที่ว่า ที่นี่คือต้นน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งไหลมาจากยอดดอยหลวงเชียงดาวนั่นเอง และเหมือนที่อื่นๆ แก่งปันเต๊าก็มีซุ้มไม้ไผ่ริมน้ำ ให้เราได้ไปเลือกนั่งผ่อนคลายตามอัธยาศัย กินข้าวไป ชมธรรมชาติไป พอเริ่มร้อน จะลงเล่นน้ำก็ได้ บรรยากาศสวยงามมากเลยล่ะ หรือถ้าใครไม่อยากนั่งซุ้มริมน้ำ ก็มีร้านกาแฟชื่อดัง อย่างร้านกาแฟฮิมน้ำให้ไปผ่อนคลายกันด้วย หน้าร้านอาจดูเป็นเหมือนบ้านไม้ธรรมดาๆ แต่เมื่อเดินเข้าไปถึงหลังร้านซึ่งติดริมแม่น้ำนั้น ทุกคนที่เคยไปคอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกันว่า สวยจัดจนน่าถ่ายรูปอวดเพื่อนสุดๆ !

 

 

เย็นฉ่ำ กระหน่ำเมืองมากกกกก

A photo posted by Karn (@karn_cnx) on

 

 

A photo posted by BEAU (@ordinary_beau) on

 

 


 

 

 

A photo posted by MC (@maxzmum) on

พักผ่อนเอนกายที่ร้านกาแฟฮิมน้ำ 

 

- - - - - - - - - - - - - - -
 

Tips การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปเที่ยว

1. 
เตรียมเสื้อผ้าสำรอง และผ้าเช็ดตัวไปให้พร้อม ลงเล่นน้ำหรือไม่ลงก็มีสิทธิ์เปียกจ๊ะ
2. เช็คความพร้อมของยานพาหนะ ตรวจสภาพรถก่อนเดินทางทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะแต่ละที่ไกลจากตัวเมืองมาก
3. ตรวจสอบและทำความเข้าใจเส้นทางอย่างถี่ถ้วน ทั้งความถูกต้องของแผนที่ สภาพถนน จุดสังเกตเป็นต้น
4. เช็คช่วงเวลาเปิด - ปิด ให้ชัดเจนไปถึงที่แล้วอาจจะแห้ว
5. ทำใจให้สนุกไปพักผ่อนเจอคนเมาก็หลบอยู่ให้ห่าง
6. เตรียมอาหารการกินขนมนมเนยเครื่องดื่มไปให้พร้อม เพราะเราสามารถขอเช่าซุ้มแต่ละที่ โดยไม่สั่งอาหารก็ได้ราคาเช่าเริ่มต้นตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป
7. เตรียมยาสามัญประจำบ้าน หรือยาสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวไปเผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย เช่นยาแก้แพ้ ยาแก้ปวดยาล้างแผลยาใส่แผล พลาสเตอร์ยาเป็นต้น

 

ท่านใดมีที่เที่ยวคลายร้อนเจ๋งๆในเชียงใหม่ แนะนำเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที


 


เชียงใหม่...ไปไหนก็อาร์ต : Chiangmai - Art is all around

$
0
0
 
เชียงใหม่...
ไปไหนก็อาร์ต
 
จาก ‘เจริญกรุง’
ถึง ‘มูลเมือง’
 
จาก ’บุกรุก’
ถึง ‘บุกรก’
 
บางคนอาจจะงงว่าผมโปรยอะไรมาเนี่ย
ฟังแล้วดูงงๆ
 
คือ...เมื่อคราวก่อน
ผมพาเพื่อนๆ ไปเดินลัดเลาะดูงานศิลป์
แถวๆ เมืองเก่าในกรุงเทพฯ
งานที่เกิดจากนิทรรศการศิลปะที่ชื่อว่า “บุกรุก”
ในย่านที่ชื่อว่า เจริญกรุง
 
มาคราวนี้
เลยจะพาเพื่อนๆ ไปเดินลัดเลาะดูงานศิลป์
แบบเหนือๆ กันบ้าง
ตั้งแต่ ย่านมูลเมือง จนถึงอีกหลายย่านในเชียงใหม่
 
เดินแบบผม ก็คงไม่ใช่แค่เดินถ่ายรูปเปล่าๆ ปรี้ๆ
มันต้องเดินไปกินไปถึงจะถูก
เอาว่าสำหรับใครหลายคนที่ดูรีวิวเชียงใหม่มาเยอะแล้ว
ลองมาเดินตามในแบบผม
แล้วคุณ...
จะไม่อ้วนอย่างเดียวดาย
(555...ไม่ค่อยเกี่ยวกันเลย)
 
 
ปะ...ไปลุยกัน
 
ปล. 1 ทริปที่จะเล่านี่ดองมานาน บางอย่างอาจจะไม่ update นะครับ
เพื่อนที่จะไปร้านไหน อาจลองหาข้อมูลเพิ่มนะครับ
ปล. 2 รีวิวมาหลายอันละ ไม่รู้มีใครมาอ่านกันบ้างรึเปล่า
ถ้ามีใครแวะผ่านมา ก็มาทักทาย คอมเมนต์ติชม หรือกดถูกใจกันได้นะครับ
 
ใครที่เคยฟังผมเล่า
น่าจะพอรู้ว่า ผมนี่โคตรชอบเดินเลย
ถ้าไปเที่ยวไหนๆ วิธีเที่ยวที่ผมเลือกใช้มากที่สุด
ก็คือการเดิน
 
แต่มาครั้งนี้
ผมขอนอกใจนิดนึง
อันเนื่องมาจากการที่ได้ดูข้อมูลคร่าวๆ แล้ว
หากคราวนี้ เดินทั้งทริป
กลับกรุงเทพฯ ไป มีโอกาสเข่าเสื่อมสูงมาก...ฮาาาา
 
ผมเองเนี่ย
ชอบโดนเพื่อนหลายคนล้อว่า ‘ไอเด็กกรุงเทพฯ’
อ่าว...แล้วเด็กกรุงเทพฯ มันผิดตรงไหน
จริงๆ คือไม่ผิดอะครับ
แต่ส่วนใหญ่ เราๆ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ
ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ขี่มอเตอร์ไซค์กันสักเท่าไหร่
ทำให้พอโตมา ก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นกับเค้า
 
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
มาคราวนี้ ผมต้องก้าวข้ามไปให้ได้
(ยิ่งใหญ่...เหมือนจะไปกู้โลก)
ผมเลยใช้มอเตอร์ไซค์เป็นหลัก
ในการทำภารกิจครั้งนี้
(ภารกิจเลยหรอพ่อคุณ)
 
 
 
 
ก่อนอื่นใด
กองทัพต้องเดินด้วยเท้า
ไม่ใช่...ท้องสิ
 
เราเริ่มต้นกันแบบฮิปสะเต้อ
ด้วยอาหารฮิปซะเน้อ
จะเป็นอะไรได้
นอกจาก...ข้าวซอยสิครับ
 
ซึ่งร้านโปรดของผม
แล้วก็คงเป็นร้านโปรดของใครอีกหลายคน
ถ้าได้มาเชียงใหม่
ร้านข้าวซอยอิสลาม
จะเป็นจุดหมายแรกของผมที่ต้องมา
 
 
 
จากฮิปซะเน้อ
ก็ได้เวลาไปหากาแฟกินแบบฮิปๆ ได้แล้ว
 
เพื่อนๆ คงรู้ว่าที่เชียงใหม่
เรียกได้ว่าเป็นเมืองกาแฟเลยทีเดียว
ร้านกาแฟในเมืองนี้น่าจะเป็นหลักหลายร้อยเลยทีเดียว
 
โดยเฉพาะแค่ในย่านนิมมานฯ
ผมว่าก็เป็นร้อยร้านแล้วหละ
แต่ก็คงมีไม่กี่ร้าน ที่เรารู้สึกว่าถูกจริต หรือเรียกง่ายๆ ว่ามันโดน
 
ร้านแรกที่อยู่ในลิสต์ของผม
คือร้าน 'Khagee'
อ่านว่า ’ขจี’
ร้านสไตล์ มินิมอล ตกแต่งเรียบๆ
ร้านติดถนน ริมแม่น้ำปิง ใกล้สะพานนวรัตน์
 
 
กาแฟดีเลยหละ...
บางช่วงคนอาจเยอะนิดหน่อย ก็ใจเย็นๆ กันนิดนึง
 
หลังจากไปนั่งชิวกันแล้ว
มาเดินทางกันต่อดีกว่า
 
แพลนที่วางเอาไว้คือ
ช่วงบ่ายน่าจะเหมาะกับการไปนั่งชิวต่อที่ 'บ้านข้างวัด'เป็นอย่างยิ่ง
ดีนะที่ผมเช่ามอเตอร์ไซค์
ก็เลยแว้นไปได้สะดวกเลย
 
หลายคนคงรู้จักโครงการบ้านข้างวัดเป็นอย่างดี
หรือบางคนอาจจะเคยได้ยิน
สำหรับผมเอง ถึงจะเคยมาที่นี่ 2 รอบแล้ว
แต่ก็ยังรู้สึกว่าถ้ามาเชียงใหม่
ก็ควรจะต้องมาที่นี่อยู่ดี
 
ก่อนจะถึงบ้านข้างวัด
ถ้ามาจากทางซอยเข้าวัดอุโมงค์
จะมีศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอยู่
หากใครพอมีเวลา
แวะขึ้นไปดูก็มีอะไรน่าสนใจนะ
 
ที่แน่ๆ...คุณต้องได้เจอกวาง
ที่อยู่แบบธรรมชาติ
หรือว่าใครอยากจะถ่ายรูปแนวๆหน่อย
ที่นี่ก็เหมาะอยู่เหมือนกัน
 
 
 
ได้กลับมาที่บ้านข้างวัดอีกครั้ง
ร้านบางร้านก็ยังอยู่
บางร้านก็หายไป
แล้วก็มีร้านใหม่เพิ่มขึ้นมา
 
ทำให้ที่นี่ มีทั้งร้านกาแฟ
ห้องสมุด ร้านขายของงาน craft หรืองาน handmade
ร้านอาหาร work shop สอนศิลปะ
แม้กระทั่งร้านตัดผม
นี่ยังไม่นับมุมถ่ายรูปอีกมากกมาย
สำหรับคอถ่ายรูปทั้งหลาย
มีทุกสิ่งให้เลือกสรรจริงเชียว
 
ถ้าว่างๆ มาใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ค่อนวันเลยหละผมว่า
 
มีร้านไอศกรีมเปิดใหม่
 
 
ร้านงาน craft ยังมีเหมือนเดิม
 
 
มีห้องสมุดให้อ่านเพลินๆ
 
 
ชิวกันมั้ย ^^
 
สำหรับผมดูเหมือนยังมีอีกหลายที่ที่น่าจะต้องไป
ทริปนี้จึงไม่ได้ชิวที่บ้านข้างวัดนานสักเท่าไหร่
เสียดายอยู่เหมือนกัน
 
รีวิวมา 3 วัน
ยังไม่ไปถึงไหน
สโลว์ได้อีก
แหะๆ...
 
มาครั้งนี้ได้ยินมาว่า
มี Balloon Park ที่เชียงใหม่
เอาวะ...เห็นเค้าต้องไปกันถึงเชียงราย
เรามาเชียงใหม่ก็มีเหมือนกัน
ไปซะหน่อยก็ได้
 
แม้จะไกลไปหน่อย
แต่เราก็ดั้นด้นไป
เพราะต้องแว้นออกไปนอกเมืองทางดอยสะเก็ด
เข้าเส้นวงแหวนรอบที่ 3
เพื่อไปเจอกับบรรดาบอลลูน
..
จำนวน 2 ก้อน!!
เอ้ย 2 ลูก...
เอ๊ะ บอลลูนเค้ามีหน่วยนับเป็นอะไรหว่า
ช่างเถอะ...เอาว่ามีแค่ 2 อันเนี่ยแหละ
 
เอาน่า
มาถึงแล้วก็ถ่ายรูปไป
คิดซะว่าขี่รถเล่นมาดูบอลลูนตอนพระอาทิตย์ตก
 
 
 
ก่อนจะจบวัน
เดี๋ยวจะเชย
มาเชียงใหม่
ต้องไปถ่ายรูป ‘ขัวเหล็ก’ ซะหน่อย
ปล. ขัว ก็คือ สะพาน จ๊ะ
 
 
 
เช้าวันใหม่
ว่าจะหาอะไรกินสักหน่อย
ดูไปดูมา ก็ไปสะดุดกับร้านนี้เข้า
เค้าว่ามีเสิร์ฟอาหารเช้าสไตล์เมลเบิร์น
เราก็ควรจะไปลอง Egg Benedict หน่อยมั้ย
ร้านนี้ชื่อ SS 1254372 Café
จะเรียกยากไปไหน
 
 
 
 
ร้านมีคอนเซ็ปให้เหมือนยานอวกาศลำเลียงเสบียงไปยังดวงจันทร์
ผมก็เลยเรียกว่าร้าน Space Ship ละกัน
ที่นี่นอกจากจะมีคาเฟ่แล้ว
ยังเป็นที่แสดงงานศิลปะอีกด้วย
 
 
ส่วนตัว อาหารที่นี่ยังค่อนข้างธรรมดา
แต่บรรยากาศร้านตอนเช้า 
ตอนที่แสงแดดอ่อนๆ
ได้กินอาหารเช้า
ฟังดนตรีคลอจาก ‘จีน มหาสมุทร’
(ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าของร้าน เป็นหุ้นส่วน หรือว่าอะไร
แต่ตอนเราไป...เห็นนั่งเล่นกีตาร์ ร้องเพลงชิวๆ อยู่ในร้าน)
แล้วได้มองดูงานศิลปะรอบๆตัว
เพลินกันไปตามระเบียบ
 
 
 
ว่าแต่
ไหนว่าจะพาไปดูงานศิลปะ Street Art
งาน Graffiti แบบงานบุกรุก แถวเจริญกรุง
นี่คือยังไม่ไปถึงไหนเลยนะ
 
แหะๆ...อย่างที่บอก
ไปกับเรา มันต้องชิวๆ นะ
อย่ารีบ
ว่าแล้วก็ไปหากาแฟกินก่อนดีกว่า...อิอิ
 
ร้าน SS อยู่แถวนิมมานฯ
ถ้าร้านกาแฟที่นึกถึงอันดับต้นๆ
คงหนีไม่พ้น
Ristr8to
 
ผมเคยมาเมื่อสมัยเปิดแรกๆ
คนนั่งยังพอดีๆ
ไม่คับร้านเกินไป
 
 
แต่มาคราวนี้
โอ้ว...
ไทย จีน ฝรั่ง
นั่งกันล้นร้าน
โดยเฉพาะเมดอินไชน่า
อารมณ์เหมือนทัวร์ลงเลย
ด้วยชื่อเสียงของบาริสต้า
กับกาแฟที่โอเค
ก็ไม่น่าแปลกหรอกที่จะโกอินเตอร์ไปแล้ว
 
จิบกาแฟแล้ว
หาชาจิบกันต่อดีกว่า
เห้ยย...ไหนหละงานศิลป์
ไปซะทีเหอะ
.
ก็บอกว่าไม่รีบไง ^^
 
 
เวียง จุม ออน
เป็นอีกร้านนึง
ที่เวลาผมมาเชียงใหม่ทีไร
ก็ต้องแวะมาที่นี่
 
 
มาที่นี่ตอนสายๆ
แดดอ่อนๆ กำลังดี
ลมเย็นเอื่อยๆ
จิบชาหอมๆ
กับสโคนสัก 2 ชิ้น
พริ้มเลย
 
อย่างที่จั่วหัวเอาไว้
คราวก่อนผมพาเดินดูงาน street art แถวเจริญกรุง
ส่วนคราวนี้ผมก็จะพาไปดูว่า
ที่เชียงใหม่ ก็มีที่ให้เดินดู street art
แบบเพลินๆ
คือ เดินไป กินไป เหมือนกัน
 
จุดหมายของเราอยู่แถวๆ ถนนราชวิถีและก็ถนนมูลเมือง
ถ้าจะเริ่มต้น
ผมเลยขอแนะนำมาสตาร์ทกันที่คาเฟ่เล็กๆ
แต่ชื่อเสียงไม่เล็กตาม
 
ร้าน Graph Cafe ณ เชียงใหม่
 
 
Graph เป็นร้านเล็กมาก ถึงมากที่สุด
คือ มีเก้าอี้ให้นั่งประมาณ 8 ตัว
ดังนั้นมาที่นี่แล้วคนแน่นร้าน
ก็แบ่งๆ กันไป
ชิวๆ กันไปนะครับ
 
 
กาแฟที่นี่ใช้ของเมืองไทยเป็นหลัก
รสชาติจะออกแนวกลางๆ ไม่หนักมาก
ซึ่งโดยรวมถือว่าใช้ได้
แต่ผมกลับชอบ cold brew ของที่นี่นะ
ปรุงได้เก๋ไก๋ดีทีเดียว
 
 
หลังจากจิบกาแฟได้ที่
ได้เวลาเดินลัดเลาะกันแล้ว
 
จากหน้าร้าน Graph Cafe
เราเดินเข้าถนนราชวิถี 2
 
 
 
เดินไปเรื่อยๆ
เจอร้านนึงที่เคยได้ยินชื่อมาเหมือนกัน
'สมานมิตร'
เป็นทั้งร้านกาแฟ
แล้วก็มีเป็น guesthouse ด้วย
น่ารักดีเหมือนกัน
 
 
เดินไปเดินมาแถบย่านนี้
อารมณ์เหมือนเดินแถวถนนข้าวสารเลย
คือฝรั่งเยอะ
guesthouse เยอะ
ดูแล้วชิวมาก
 
นี่ถ้าได้มาอีก
คราวหน้าผมคงเลือกหาที่พักแถวนี้แน่ๆ
 
 
 
 
ร้าน Graph เมื่อกี้นี้
มีอีกสาขาที่มีอาหารเสริฟ์ด้วย
 
เอาละ ได้เห็นแนว graffiti มั่งละ
 
 
 
สรุปเบ็ดเสร็จสำหรับย่านนี้
ก็มีเพียงเท่านี้
อ่าว...เราก็นึกว่า street art จะมีเป็นแผง
สุดท้ายมีแค่เนี้ยะ
 
แต่สุดท้ายกว่า
คือผมชอบนะ
เดินเพลินดี
มีเวลาสักชั่วโมง สองชั่วโมง
มาจิบกาแฟ
แล้วเดินเล่นถ่ายรูป
ได้มุมมองใหม่ของเชียงใหม่
แบบที่ไม่มีในไกด์บุ้คดี
 
อีกร้านนึง
ถ้ามาเชียงใหม่ แล้วไม่ได้มา
คงเหมือนขาดอะไรไป
PACAMARA
ร้านกาแฟที่เป็น Roaster ด้วย
คือที่ร้านมีกาแฟที่คั่วเอง
 
จากที่สังเกตมีร้านในกรุงเทพฯหลายร้าน
ใช้เมล็ดกาแฟของที่นี่
ฉะนั้นถ้ามาเชียงใหม่
ก็ต้องมาชิมต้นฉบับซะหน่อย
 
 
 
แล้วที่จั่วหัวไว้ซะเยอะเรื่องงานอาร์ต
มีแค่นี้นะเหรอ
 
ไม่สิครับ
คือ จริงๆ เวลาที่ผมแว้นเล่นในตัวเมือง
ก็ได้เห็นงาน graffiti อยู่ประปราย
นอกจากนี้ยังรู้ว่ามีงานอีกจำนวนหนึ่ง
อยู่ที่ตึกร้างทางไป ม.แม่โจ้
 
แต่ถ้าแว้นไปนี่หัวแดงแน่
ผมก็เลยขอแค่ตระเวนในเมืองแล้วกัน
ซึ่งข้อดีของการได้แว้น
คือเราซอกแซกไปได้เรื่อย
แล้วก็ทำให้ผมได้เจอ
art exhibition ริมกำแพงแบบรกๆ
คือ อารมณ์เดินไปในซอยเปลี่ยว
มีบ้านร้าง
กองขยะ
สิ่งปรักหักพัง
แล้วที่สำคัญ กำแพงที่บอก
คือกำแพงของ 'คุก'
เก๋ไก๋ใช่มั้ยหละ
ปะ...ไปเดินเล่น
ไปบุกความรก ข้างๆ คุกกัน
 
 
นี่...ขนาดทางเข้ายังไม่ธรรมดา
ของแท้ต้องเจ้าพ่อมือเหล็ก มือพลาสติดนี่ผิดที่นะ
 
 
 
 
รูปนี้สำหรับผม มันจี้ดมาก
abstract สุดพลัง
อะไรคือผีตาเดียว กับคิตตี้ถูกเผา!!!
 
มีเป็นห้องแสดงงานด้วย!!
 
 
 
สรุปแล้ว
งานอาร์ตของที่นี่
อาจจะไม่ได้สร้างสรรค์ด้วยศิลปินขั้นเทพ
งานดีบ้าง
ธรรมดาบ้าง
แต่ศิลปะ
มันให้อะไรหลายอย่างเลย
 
ที่นี่อาจจะเป็นแค่ที่รกร้าง
เป็นแค่กำแพงเก่าๆ ที่มีทางเดินรกๆ
 
แต่งานศิลปะไม่ว่าใครจะมองในมุมที่ต่างกันแค่ไหน
บางคนอาจจะมองว่าสวย หรือไม่สวย
แต่อย่างน้อย
มันก็ทำให้ที่นี่มีความน่าสนใจ
มากกว่าความรกร้าง
 
แล้วไม่แน่
ที่นี่อาจจะเป็นที่ฝากผลงาน
ของศิลปินชื่อดังในอนาคตก็เป็นได้
 
 
เดินถ่ายรูปรอบ 'คุก'กันพอได้เหงื่อ
แนะนำว่าถ้าใครอยากนั่งพักจิบกาแฟ
ร้านแนวๆ ร้านนี้เหมาะแน่
 
Cerebrum & Friends
ร้านชื่อแปลก
ตกแต่งร้านแนวแปลกๆ
รวมถึงแฟชั่นของพนักงานที่อาจจะดูแปลก
แต่ทั้งหมดมันแนวได้ใจมาก
 
 
 
 
วันที่ไป
ร้านมีถ่ายแบบกับน้องหมาพอดี
เลยเนียนเก็บรูปนายแบบสุดหล่อมา
 
 
นี่เป็นรีวิวแรก
ที่มีความอดทนขนาดนี้
รูปเยอะมาก (สำหรับผมนี่เยอะแล้ว)
อย่างที่เคยบอกหลายที
ผมแม่มโคตรขี้เกียจ + สมาธิสั้น
 
เอาว่ารูปที่เหลือจากทริปนี้ผมลงรวมๆ เลยละกันนะ
มีทั้งที่อ่างแก้ว ใน ม.ช. ที่ตอนนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว
โดยเฉพาะพี่จีนเรา
มากันเป็นคันรถเลยทีเดียว
 
แล้วก็ที่วัดอุโมงค์
ที่ถ้าใครมีเวลา ก็แวะไปสงบจิตสงบใจ
ถ่ายรูปแบบเย็นใจได้
หวังว่ารีวิวนี้
คงทำให้เพื่อนๆ ที่ไปเชียงใหม่
ได้ลองไปดูอะไรแปลกๆ กันมั่ง
ถูกใจ ไม่ถูกใจกันยังไง
คอมเมนต์กันได้นะครับ
 
ปล. ขอบคุณเว็บ reviewchiangmai ที่ให้ข้อมูลเชียงใหม่เพียบเลย
 
แล้วไว้เจอกันใหม่
ขอบคุณครับ
 
อ่างแก้ว มช.
 
อ่างแก้วในช่วงค่ำแสนโรแมนติค 
 
ประตูท่าแพยามค่ำคืนคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว 
 
Simple Market ตลาดขายของยามค่ำคืน คึกคักไปด้วยหนุ่มสาว
 
31 st Cantury musium of comtemporary spirit แกลเลอรี่สุดแนวในซอยวัดอุโมงค์ 
 
วัดอุโมงค์สถานที่พักผ่อนสงบจิตสงบใจ 
 

ขอบคุณ เรื่อง http://pantip.com
Instagram : slowlywind

เรียบเรียง Review Chiangmai

 


ดื่มด่ำวิถีชีวิตคนเมือง กับพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา

$
0
0

 

        หากใครมีโอกาสได้ผ่านมาแถวอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เมืองเชียงใหม่ ก็คงต้องสะดุดตากับอาคารทรงยุโรปสีขาว ที่ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอนุสาวรีย์กันบ้าง ซึ่งอาคารแห่งนี้ก็คือ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนานั่นเอง เมื่อพูดคำว่า “พิพิธภัณฑ์” ขึ้นมาแล้ว ก็อย่าเพิ่งเบนหน้าหนีกันก่อนล่ะ วันนี้เราจะพาคุณไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนเมืองเชียงใหม่กัน

       
พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนาเป็น 1 ใน 3 พิพิธภัณฑ์ของเครือข่ายพิพิธภัณฑ์กลางเวียงเชียงใหม่ โดยก่อนหน้าที่จะมาเป็นพิพิธภัณฑ์นั้น พื้นที่นี้เคยเป็นคุ้มไม้สักของเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าหลวงองค์ที่ 8 ของเชียงใหม่ต่อมาเมื่อมีการปฏิรูปการปกครอง คุ้มหลวงแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นอาคารที่ทำการของเค้าสนามหลวง หรือสถานที่ทำราชการของขุนนางและข้าราชการในพ.ศ. 2458 ต่อมาได้รับการปรับปรุงให้เป็นศาลจังหวัดเชียงใหม่และศาลแขวง แต่เมื่อได้มีการย้ายสถานที่ราชการออกไปในที่ใหม่ ตึกนี้จึงถูกปล่อยทิ้งร้าง จนกระทั่งเทศบาลนครเชียงใหม่ต้องการทำให้พื้นที่กลางเวียงเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จึงได้ปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนาขึ้นในปีพ.ศ. 2556

        ซึ่งภายในอาคารสีขาวทรงยุโรปนี้จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิต ความเชื่อและงานศิลปะต่างๆเช่นงานพุทธศิลป์พิธีกรรมทางศาสนาสถาปัตยกรรมจิตรกรรม และประติมากรรมไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยเน้นความเหมือนจริงดังนั้นอย่าตกใจหากเข้าไปในห้องจัดแสดงแล้วคุณจะพบหุ่นขี้ผึ้งที่ตั้งอยู่รายล้อมห้อง ส่วนการเดินชมเชื่อมในแต่ละห้องนั้นก็ให้เดินตามลูกศรสีแดงที่พื้นไปเรื่อยๆ

 


ห้องข่วงแก้วล้านนา

 


ห้องภายในวิหาร

 


ห้องจิตรกรรมล้านนา
 

        มาเริ่มกันที่ห้องแรกคือห้องข่วงแก้วล้านนาที่ได้จำลองลานกว้างบริเวณวัดที่ใช้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่นการสรงน้ำพระการแห่ไม้ค้ำสะหรีหรือไม้ค้ำโพธิ์ ที่จะทำกันเป็นประจำในวันสงกรานต์ นอกจากนี้ก็ยังมีการจำลองวิหารโถงหรือวิหารแบบเปิด ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเอกลักษณ์ของล้านนาที่หาชมได้ยากแล้วในยุคปัจจุบัน ที่งานสถาปัตยกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นล้านนากำลังสูญหายไปตามกาลเวลา ส่วนภายในวิหารมีการจำลองข้าวของเครื่องใช้ และเครื่องสักการะต่างๆที่เป็นสื่อกลางในการน้อมนำตนเองเข้าสู่พระพุทธศาสนา ซึ่งด้วยความเสื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวล้านนานั้นเอง ได้ส่งผลให้เกิดประเพณีที่สำคัญทางศาสนาและงานจิตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นประเพณีแห่ครัวทาน งานจิตรกรรมฝาผนังของสกุลช่างเชียงใหม่และไทใหญ่ ที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้จำลองมาจากวัดที่สำคัญของเชียงใหม่หลายวัดด้วยกัน รวมถึงงานจิตรกรรมบนกระจกที่ในปัจจุบันหาชมได้ยากแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีการจำลองงานประติมากรรมปูนปั้น งานแกะสลักไม้และงานโลหะหล่อที่สำคัญของเมืองเชียงใหม่ไว้ให้ชมอีกด้วย

 


ห้องประวัติอาคาร

 


ห้องจักสานทำมาหากิน

 


ห้องมหรรฆภัณฑ์ล้านนา

 

        เมื่อเดินขึ้นมาชั้นสองจะพบการจัดแสดงวิถีชีวิตของชาวล้านนา ทั้งงานหัตถกรรมที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์เป็นรูปข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ งานประณีตศิลป์ล้านนา อุปกรณ์การทำมาหากิน อาหารการกิน อาหารพื้นเมือง การเลือกคู่ครองของชาวล้านนาสมัยก่อน พร้อมทั้งมีการจัดแสดงเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีกด้วย และอย่างที่ได้กล่าวแล้วว่าเดิมอาคารแห่งนี้เคยเป็นศาลมาก่อนในห้องถัดมาจึงมีการจำลองห้องพิจารณาคดีไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย เรียกได้ว่าลักษณะของการจัดแสดงมีความเสมือนจริงจนทำให้คุณต้องขนลุกกับบรรยากาศอย่างแน่นอน 

        
และตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไปทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้เปิดนิทรรศการใหม่ที่น่าสนใจอีก 2 นิทรรศการก็คือนิทรรศการเสื้อซิ่นย่ามและงานทอผ้าของชาวไทลื้อ ที่ได้นำผ้าซิ่นและเสื้อของชาวไทลื้อที่หายากและสวยงามมาจัดแสดงไว้ด้วย ส่วนอีกหนึ่งนิทรรศการที่จัดแสดงก็คือ นิทรรศการมงคลข่ามคงของมงคลและของวิเศษล้านนา ไม่ว่าจะเป็นเป๊กแก้วแสงตุ๊กตาว่านยาสักและผ้ายันต์สิหิงค์หลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับความเชื่อของชาวล้านนา

 


ห้องผ้าซิ่นไทลื้อ

 


ห้องมหาว่านยา

 


ห้องผ้ายันต์สิหิงค์หลวง

 

        ในเร็วๆนี้ก็จะมีการจัดการบรรยายพิเศษของนิทรรศการใหม่อีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook Fanpageของเครือข่ายพิพิธภัณฑ์กลางเวียงเชียงใหม่ ผู้ที่สนใจเข้ามาชมสามารถเข้าชมได้ทุกวันอังคาร – อาทิตย์เวลา 08.30 - 17.00 น. เราเชื่อว่าหากคุณได้เข้ามาสัมผัสกับกลิ่นอายความเป็นล้านนาคุณต้องประทับใจและเข้าใจวิถีชีวิตของชาวล้านนามากขึ้นอย่างแน่นอน
 

- - - - - - - - - - - - - - -
 

เรื่องและภาพ :นางสาวปาณิสรา ศรีปรางค์, นางสาววราภรณ์ นิลแนม นิสิตฝึกงานเครือข่ายพิพิธภัณฑ์กลางเวียงเชียงใหม่

เที่ยวเชียงใหม่แบบมีสไตล์ Inspired by สาวกรุงในฉบับ 2 วัน 1คืน

$
0
0

 

         เชียงใหม่เมืองท่องเที่ยวสุดไฉไลที่ใครๆก็ฝันถึง ด้วยความลงตัวที่เหมาะเจาะทั้งในเรื่องของสภาพภูมิอากาศ วัฒนธรรมและผู้คนที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลจึงทำให้นี่เป็นเหตุผลหลักที่เราตัดสินใจออกเดินทางมาเชียงใหม่เป็นครั้งแรก

 

การเดินทางเริ่มขึ้นในเช้าวันเสาร์ โดยจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ผ่าน Travelokaเว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินคุณภาพที่มีสายการบินในไทยให้เลือกครบทั้งหมด อีกทั้งยังสะดวกในเรื่องของการจอง การจ่ายเงิน หลังจากที่ระบุวันเวลาและจุดหมายปลายทางเรียบร้อย เว็บไซต์ก็จะขึ้นสายการบินให้เลือก แสดงผลตั้งแต่ราคาถูกสุดจนถึงสูงสุด อีกทั้งยังเป็นราคา Net จ่ายเท่าที่เห็น ไม่มีบวกเพิ่ม ไม่มีจ่ายยิบย่อยและมีโปรโมชั่นส่วนลดมาให้ตลอด ดีงามพระรามเก้าขนาดนี้ไม่ลองนี่ถือว่าพลาดมาก  

 

หลังจากที่เครื่องบินแตะรันเวย์สนามบินเชียงใหม่ กลิ่นอายความเป็นล้านนาก็เข้ามาในความรู้สึก เอ้ย!! เชียงใหม่มีเสน่ห์มากกว่าที่คิดนะ หลังจากนั้นเราก็เช่ารถมอเตอร์ไซค์และเตรียมแว๊นซ์ไปที่สถานีแรก คือ ถนนนิมมานเหมินท์หรือทองหล่อเมืองล้านนา ที่นี่ครบเครื่องไปด้วยที่พัก ร้านกาแฟและร้านอาหาร อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปนั่นมานี่ได้สะดวกสบายสุดๆ  

- - - - - - - - - - - - - - -

 

1. Hotel Yayee

- แวะมากี่ทีก็ติดใจ 

บรรยากาศในห้อง Small Room ห้องไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปอยู่ได้แบบสบายๆ

 

พิกัด :ถนนนิมมานเหมินท์ ซ.สายน้ำผึ้ง 

โทร : 099-2695885

Website: www.hotelyayee.com

Facebook: www.facebook.com/hotelyayee

หรือจองโรงแรมยาหยี และชำระเงินได้ง่ายๆที่ http://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/hotel-yayee-1000000516619

 

ในช่วงเช้าเราเลือก Check - in ที่ Hotel Yayee โรงแรมสุดชิคของอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม นักแสดงหนุ่มขวัญใจสาวๆ มีจุดเด่นในเรื่องของการตกแต่งสไตล์บูทีคโฮเทลชั้นเยี่ยมที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดทุกขั้นตอนจนเป็นที่สะดุดตาสะดุดใจของนักเดินทาง ห้องพักมีให้เลือกสองแบบคือ Big Room และ Small Room ในราคาเริ่มต้นคืนละ 2,400 - 2,800 บาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็นราวแขวนเสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง น้ำดื่ม ชา กาแฟ และมินิบาร์ทานได้แบบฟรีๆ  

 

 

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับที่นี่คือ The Rooftop Barบนชั้น 5 ที่มีดาดฟ้ามองเห็นวิวดอยสุเทพได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะค็อกเทลสุดพิเศษ  Ananda's Flyboyหนึ่งในแก้วโปรดของคุณอนันดาที่มีให้บริการอยู่ทุกคำ่คืน นอกจากนี้บุคคลภายนอกยังสามารถมาใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 17.00 - 23.00 น. 

 

บรรยากาศด้านบนเงียบสงบสวยงาม 

 

Ananda's Flyboy หนึ่งในแก้วโปรดของคุณอนันดา

 

นอกจากนี้ด้านล่างของโรงแรมยังมี Hungry Heart Cafe เล็กๆ เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. ให้บริการทั้งอาหารเช้า (All day breakfast) อาหารกลางวันและอาหารเย็น 

 

 

เมนูอาหารเช้าที่ไม่ควรพลาดคือ Ananda's Breakfast - อาหารเช้าคุณอนันดา ข้าวเหนียวธัญพืชจิ้มไข่ดาวเยิ้มๆ น้ำพริกตาแดง เสิร์ฟพร้อมไส้กรอก แหนมรวน ผักย่างตามฤดูกาล เด็ดโดนอย่าบอกใคร! ส่วนแขกที่ไม่ได้พักก็สามารถ Walk- in เข้ามาทานได้เช่นกัน ใครที่อยากมาพักแบบเราก็สามารถจองผ่าน Traveloka ได้ตามลิงค์ คลิกเลย 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

2. Rustic & Blue

อู้ฮู้เด็ดจริง!  

 

พิกัด : ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย7

เวลาเปิดปิด : 08.30 - 22.00 น.  หยุดวันจันทร์

โทร : 086-654-7178

Facebook : facebook.com/rusticandbluechiangmai

 

หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย เดินทางออกมาจากโรงแรมเพียงไม่กี่ซอย ก็เจอเข้ากับร้านอาหารเช้าสุดชิคสไตล์ mix&match american food ที่โดดเด่นในเรื่องความแปลกใหม่ของเมนูอาหารที่จัดเข้ากันอย่างลงตัว ท่ามกลางบรรยากาศสวนหลังบ้านสไตล์ฮิปสเตอร์​ พร้อมมุมถ่ายรูปสุดเก๋ๆและเท่จนต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปมือเป็นระวิง เมนูอาหารที่นี่นอกจากจะมีอาหารเช้าแล้ว ยังมีอาหารเย็นไว้ให้บริการด้วย หน้าตาอาหารแต่ละจาน จัดมาได้กินมากๆ เครื่องดื่มอื่นๆก็มิกซ์มาได้อย่างลงตัวเรียกได้ว่าฟินจนไม่อยากกลับกรุงกันเลยทีเดียว 

 

บรรยากาศในร้านตกแต่งอย่างมีสไตล์​

 

ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างดี

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

3. หอมปากหอมคอ

- แก้วเดียวไม่พอขอสองนะจ๊ะ

โกโก้เย็น สุดยอดความเข้มข้นของโกโก้แท้ๆพร้อมทั้งใช้โกโก้แช่เย็นแทนน้ำแข็ง ราคา 90 บาท ทานคู่กับ บราวนี่ นุ่มเหนียวนึบ อร่อยอย่าบอกใคร ราคา 80 บาท

 

พิกัด : ถนนนิมมานเหมินท์ซอย 1 

เวลาเปิด-ปิด: 10.00-19.00 น. ทุกวัน

โทร: 083-1543113

 

ยังคงวนเวียนกันอยู่ที่ถนนนิมมานเหมินท์​ เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าย่านนี้มีคาเฟ่แห่งหนึ่งที่โด่งดังอย่างมากถึงเมนูโกโก้เย็นที่เข้มข้นถึงใจ รวมถึงบราวนี่ นุ่มเหนียวหนึบที่โดนใจสาวกช็อกโกแลตเลิฟเว่อร์เข้าอย่างจัง เพราะทุกเมนูเน้นใช้วัตุถุดิบเกรดพรีเมี่ยม บวกกับเป็นความชื่นชอบการทำขนมของคุณชะ  เจ้าของร้าน  ทุกชิ้นจึงทำออกมาจากใจเหมือนทำให้ตัวเองทาน ดังชื่อร้าน “หอมปากหอมคอ  Heart Made Patisserie” 

 

เป็นร้านเล็กๆมีไม่กี่ที่นั่งให้เลือกแต่ก็อบอุ่นอย่าบอกใคร

- - - - - - - - - - - - - - -

 

4. โครงการบ้านข้างวัด

- ต้องไปจัดให้ถึงใจ

 

พิกัด : ซอยวัดอุโมงค์ - วัดร่ำเปิง

เวลาเปิด -ปิด : 11.00-18.00 น. หยุดวันจันทร์

 

ในช่วงบ่ายที่แดดกำลังดี เราไปต่อกันที่ “โครงการบ้านข้างวัด” แหล่งชิลเอ้าท์แห่งใหม่ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบ้านไม้ผสมปูนเปลือยสุดคลาสสิค เกิดจากแนวคิดของคุณบิ๊ก - ณัฐวุฒิ รักประสิทธิ์ที่ผุดไอเดียสร้างโครงการนี้ให้เป็นชุมชนท่องเที่ยว ทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย ร้านขายของเน้นงานศิลปะและสินค้าแฮนด์เมด อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมฮิปๆ ของร้านต่างๆ

 

 

บ้านในโครงการมีทั้งหมด 11 หลัง ไม่ว่าจะเป็น Bookoo Studio ช้อปจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน รวมถึงของตกแต่งบ้านไอเดียสร้างสรรค์, Orn The Roseจำหน่ายทั้งเสื้อผ้า หมวก กระเป๋า และเครื่องประดับน่ารักๆทำจากเซรามิค, ครัวหลานย่า  ร้านอาหารพื้นเมืองต้นตำรับ, บุฟเฟ่ต์ @ homeบุฟเฟ่ต์ขนมจีนหลากหลายสารพัดน้ำทั้งน้ำเงี้ยว น้ำยา, มาหาสมุดคาเฟ่ Library สไตล์ที่ให้บรรยากาศเหมือนมานั่งอยู่บ้านเพื่อน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแปลงผัก โรงเพาะเห็ด สถานที่ทำ Workshop งานฝีมือและลานสำหรับทำกิจกรรมด้วย

 

ร้านขายของชำบ้านข้างวัดมีสารพัดของแฮนเมดให้เลือกซื้อทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับและ ของเครื่องใช้ในบ้าน

 

มาหาสมุดคาเฟ่สไตล์ Library ที่ให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่บ้านเพื่อน จำหน่ายทั้งเบเกอรี่ ชา กาแฟและมุมอ่านหนังสือเงียบสงบ 

 

สถานที่ทำ Workshop งานเซรามิคด้านหลัง

- - - - - - - - - - - - - - -

 

5. Grand Canyon 

- แหล่งเช็คอินแห่งใหม่ของวัยรุ่น

 

พิกัด :น้ำแพร่ อ.หางดง

 

เริ่มต้นเช้าตรู่วันอาทิตย์ด้วยการแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ไปสถานที่ Check-in ยอดฮิตที่เป็นกระแสในโลก Social Media อย่างมากถึงความสวยงาม ต้องยกให้ Grand Conyon อ.หางดง หรือ ‘บ่อดินกำนันมูล’ ที่ชาวบ้านแถบนั้นรู้จักกันดี จากเดิมที่เป็นบ่อดินร้างว่างเปล่าเพราะถูกขุดหน้าดินไปใช้ในการก่อสร้างถนน ถมที่ และโครงการหมู่บ้านจัดสรร นานกว่า 30 ปี บนพื้นที่กว่า 50 ไร่  แต่ปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่  เพราะมีคนมาแบ่งซื้อที่ดินไปทำเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งกีฬาทางน้ำอย่างเจ็ตสกี เรือพาย และสถานที่สำหรับลงเล่นน้ำ โดยคิดค่าเข้าคนละ 50 บาท แต่น้ำค่อนข้างลึกและอันตรายมาก ใครที่อยากลงเล่นน้ำก็อย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำมากันด้วยนะ  

 

น้ำเย็นสบายทุกวันจึงมีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาเข้าไปเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 

 

- - - - - - - - - - - - - - -

 

6. เดินเที่ยวเส้นวัดเกต

- จิบกาแฟแลงานศิลป์

 

พิกัด : ถนนเจริญราษฎร์​ ริมแม่น้ำปิง 

 

มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีถ้าหากจะไม่ไปสัมผัสวิถี Slowlife กันสักหน่อยคงมาไม่ถึง ในช่วงบ่ายก่อนกลับกรุงเราจึงขอแวะไปเดินเล่นย้อนเวลาที่ย่านนี้กันก่อนกลับ ถนนเจริญราษฎร์หรือที่เรียกกันว่าถนนเส้นวัดเกตการาม (เรียกสั้นๆว่า วัดเกต) ถนนสายวัฒนธรรมที่อยู่คู่เชียงใหม่มานานกว่า 500 ปี แหล่งวิถีชุมชนที่มีถึง 4 ศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ อิสลามและซิกข์ สองข้างทางของย่านนี้จึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและตึกรามบ้านช่องเก่าๆให้ได้ชมตลอดทั้งสาย   นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟเก๋ๆ ให้ได้เข้าไปลิ้มลองกันอยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็นเค้กบ้านเปี่ยมสุข ที่มีหมัดเด็ดอยู่ที่เมนูพายมะพร้าว หรือจะเป็นเวียงจุมออน ร้านชาที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของเชียงใหม่ และยังมีบ้านไร่สเต็กเฮ้าส์​ ที่อยู่คู่เชียงใหม่มากว่า 30 ปี และที่พลาดไม่ได้เลยคือ ข้าวเกรียบปากหม้อลุงจรวัดเกตที่มีความเหนียวหนึบเฉพาะตัวของแป้งราดด้วยน้ำกะทิหอมๆ บอกได้เลยว่าต้องลอง!! 

 

อาคารบ้านเรือนเก่าแก่แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย อีกหนึ่งเสน่ห์ที่เราจะสัมผัสได้ตลอดถนนสายนี้ 

 

แกเลอรี่ภาพเก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่หาดูได้ยากแต่ยังคงเก็บไว้ที่วัดเกต เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 09.00-19.00 น.

 

ข้าวเกรียบปากหม้อลุงจร ขายกล่องละ 20 บาท ทำสดใหม่วันต่อวัน

 

พายมะพร้าว ร้านเค้กบ้านเปี่ยมสุข เป็นพายโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง ไม่หวานแต่กลมกล่อมและหอมอร่อย

- - - - - - - - - - - - - - -

 

หลังจากที่เที่ยวจนหนำใจก็ถึงคราวอำลาเชียงใหม่กันแล้ว เราบินกลับไฟล์ท  2 ทุ่ม โดยจองตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ผ่าน Travelokaอีกเช่นกัน ทริปนี้ถึงแม้จะเป็นทริปกระชับมิตรสั้นๆแค่ 2 วัน 1คืน แต่ก็ถือว่าเป็นมาเชียงใหม่ครั้งแรกที่อิ่มเอมใจ ใครอยากมาเที่ยวเชียงใหม่แบบเราก็อย่าลืมวางแผนการเดินทาง การจองตั๋ว จองที่พักให้ดี บางทีเราอาจจะได้เจอกันที่เชียงใหม่อีกครั้งก็เป็นได้ 

 

 

 

ลัดเลาะเส้นทางเดินป่า เมาคลี - ลูกแม่กำปอง

$
0
0


          ถ้าพูดถึงชื่อ หมู่บ้านแม่กำปองที่แอบซ่อนอยู่กลางดอยแม่ออน ภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายๆ คน คงจะเป็นร้านกาแฟริมน้ำ บ้านพักโฮมสเตย์และวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบบ้านๆ ของคนที่นี่  ด้วยความที่หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านตัวอย่างที่ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเป็นแหล่งเพาะปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าชั้นดี  ไม่แปลกเลยที่ตอนนี้จะเดินไปทางไหนของหมู่บ้านเราก็จะเจอร้านกาแฟเต็มไปหมด ซึ่งผมคิดว่ามันดีต่อนักท่องท่องเที่ยวเพราะเราสามารถเลือกร้านได้ตามใจชอบ ด้วยแต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะรสชาติหรือกลิ่นของกาแฟ รวมไปถึงสไตล์การตกแต่งร้าน แต่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยสงสัยว่าแล้วเจ้าเมล็ดกาแฟที่เค้าเอามาคั่วๆ กันเนี่ย มันปลูกกันอยู่ที่ไหน วันนี้เราจะสวมวิญญาณเมาคลีพาไปลัดเลาะเส้นทางเดินป่า มาดูกันว่าชาวบ้านที่นี่เค้าปลูกต้นกาแฟกันที่ไหนและทำไมที่นี่อากาศถึงได้เย็นสบายน่าเที่ยวตลอดทั้งปี มาหาคำตอบกันครับ แต่ก่อนที่จะพาทุกคนไปโหนเถาวัลย์กลางดอย…จะบอกว่าวันนี้เราคงมาถึงที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่มีผู้สนับสนุนใจดีอย่าง AA รถเช่า ที่ให้รถเจ๋งขับมากินลม ชมดอย จะกี่โค้งก็สบายใจเพราะของเค้าดีจริงๆ

 


และก่อนที่จะเข้าหมู่บ้าน ผมก็ไปสะดุดตากับเจ้าหินก้อนนี้ เขาบอกว่ามันเป็นหินมหัศจรรย์ อฐิษฐาน โยก แล้ว คลอน มีโชค บร๊ะ! เรื่องแบบนี้ผมไม่เคยพลาด ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ลิ้นห้อย เหงื่อย้อยถึงกีบ มันไม่ขยับสักนิดเลยครับผม เอาเป็นว่าใครที่ทำให้เจ้าหินหน้าหมู่บ้านมันคลอนได้ หลังไมค์บอกผมด้วยละกันนะ



และด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ ที่จะไปดูต้นน้ำของแม่กำปอง ผมจึงได้โทรศัพท์สายตรงหา ลุงพรมมินทร์  ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าแก่ของแม่กำปอง และท่านก็ส่งมือขวาของท่านมานั่นก็คือ พี่นิคมหนุ่มหน้ามน คนแม่กำปองโดยกำเนิด ทุกซอกทุกหลืบของที่นี่ พี่เค้าบอกว่าวิ่งมาตั้งแต่เด็กหลับตาเดินยังได้ แหม่…มาเจอเจ้าถิ่นเก๋าๆ แบบนี้ ผมก็สบายใจละครับ  แนะนำครับว่าอยากนอนโฮมสเตย์หรือไปเดินเท่ห์ๆ ในป่า โทรติดต่อได้ที่เบอร์นี้เลยครับผ๊ม 085-6754598 ป้อหลวงพรมมินทร์

 


ตอนแรกก็คิดว่าไปกันแค่ 2 คน ไปๆมาๆ มีเจ้านี่วิ่งตามมาครับ โผล่มาจากไหนไม่สามารถทราบพิกัดได้ นี่พาลคิดว่าตัวเองเป็นเมาคลีจริงๆ เลยนะเนี่ย แต่เปลี่ยนคู่หูจากเสือดำเป็นหมาดำ เอานะ! ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละครับ มันชื่อว่าเจ้าหลงพี่คมบอกว่า ทุกครั้งที่พานักท่องเที่ยวไปเดินป่ามันก็จะวิ่งตามไปทุกครั้งแหละ เอ้า! ดีครับ ไปกันเยอะๆ จะได้ไม่เหงา

 

 

และเส้นทางเดินป่าของเรา เริ่มจาก เฮือนกาแฟร้านของป้อหลวง เดินตามถนนลาดยางขึ้นไปนิดหน่อย ก็จะเจอป้ายเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เลี้ยวซ้ายเข้าไปยาวๆเลยครับ

 

 

พอเดินเข้าไปได้สัก 100 เมตร ผมก็เจอต้นกาแฟเต็มไปหมดเลยครับ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันปลูกกันตามไหล่ทางแบบนี้เลยเหรอ นึกว่าจะเป็นสวนๆ กั้นแบ่งเป็นอาณาเขต พี่คมก็บอกว่า ชาวบ้านเค้าปลูกกันแบบนี้แหละ ใช้จำเอาว่า ของใครอยู่โซนไหน โอ้โห…อยู่กันแบบวีถีบ้านๆ นี่มันสบายใจจริงๆ ครับ แต่สำหรับช่วงนี้เป็นช่วงที่เมล็ดกาแฟกำลังแตกหน่อออกมาใหม่ครับ ผมเลยอดเห็นเมล็ดแดงๆ ที่พร้อมนำไปคั่วเลย พี่คมเล่าว่าชาวหมู่บ้านแม่กำปองเริ่มต้นปลูกกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการปลูกต้นชาเมี่ยงมานานกว่า 20 กว่าปีแล้ว โดยความช่วยเหลือจากโครงการหลวงฯศูนย์ตีนตกที่ได้เข้ามาริเริ่มแนะนำพันธุ์พืชต่างๆ อันเหมาะสมกับพื้นที่ให้ชาวบ้านได้ทดลองปลูกกันเป็นการส่งเสริมอาชีพ และด้วยสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านแม่กำปองที่สูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,300 เมตร มีอากาศเย็นฉ่ำตลอดทั้งปี จึงเหมาะมากกับการเป็นแหล่งเพาะปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าชั้นดี

 

 

 

 

นอกจากสวนกาแฟกลางดอยแล้ว บนดอยของแม่กำปองยังมีพันธุ์ต้นไม้ที่น่าสนใจอีกหลายๆชนิด เดินมาเรื่อยๆ จนพี่คมชี้ให้ดูว่านี่คือไม้ป่อแตที่ชาวบ้านเรียกหรือชื่อจริงๆ คือ ต้นกฤษณา คนโบราณจะเอาเปลือกของมันมาทำเชือกมัดควาย ว่ากันว่ามัดได้ทั้งควายเผือกยันควายธนูนู้นแหละครับ

 


เหนื่อยนักก็พักหน่อย นี่คือที่พักกลางทาง พี่คมบอกว่านี่เรายังไม่ถึงครึ่งทางเลยนะวัยรุ่น oh my god! ผมนี่เริ่มขาหรอยแล้ว แต่พี่คมกับไอ้หลงโคตรจะฟิต ลืมไปบอกไปเลยครับว่า เส้นทางเดินป่ามีอยู่ 3 Level ครับ ของผมวันนี้เป็นแค่ระดับ 1 เดินชิลๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงจบ รวมระยะทางทั้งสิ้น 1 กิโลเมตรโดยประมาณ ไว้มีเวลามีแรงจะมาเก็บรอบให้ครบเลยครับ

 

 

 

ไผ่เหี๊ย เมื่อก่อนชาวบ้านใช้จักสานทำฝาผนังบ้าน สานหมวก เดี๋ยวนี้ทำเป็นตะกร้าลวกไข่น้ำพุร้อน  เจ้านี่ไม่ได้ขึ้นเอง ชาวบ้านมาปลูกไว้ครับผม

 

 

และพระเอกของดอยแม่กำปองก็ปรากฏตัวออกมาเสียที ชื่อของมันคือไม้ตุ้มเป็นพันธุ์ไม้ที่เก็บน้ำได้มากที่สุดบนดอยแม่กำปอง สมัยก่อนชาวบ้านมักจะโค่นเอามาทำเป็นไหนึ่งเมี่ยง  แต่ปัจจุบันเลิกโค่นแล้วแล้วครับ เพราะชาวบ้านต่างช่วยกันดูแลเจ้าต้นนี้ เพราะมันคือต้นน้ำของที่นี่นั่นเอง

 

 

และใต้ต้นของไม้ตุ้ม ผมก็เจอสิ่งที่ผมมาตามหา นั่นก็คือตาน้ำนั่นเองครับ มันไหลออกมาจากรากไม้ของต้นไม้ในป่าใหญ่นี่เอง พาลให้คิดไปถึงภูเขาและดอยหัวโล้นในบ้านเราหลายๆ ที่ ว่าไม่แปลกเลยที่ตอนนี้ภาคเหนือจะร้อนและแล้งได้ขนาดนี้ เพราะน้ำมือของมนุษย์เรานั่นเอง ที่มีแต่ความโลภคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ลักลอบตัดไม้ไปขาย บุกรุกพื้นที่ป่าเอาไปทำพื้นที่การเกษตร อยากให้ทุกคนคิดได้สักทีครับว่า ธรรมชาติได้ให้อะไรเรามามากมายแค่ไหนแล้ว เราควรตระหนักและให้ความสำคัญกับแหล่งต้นน้ำเสียที ก่อนที่มันจะสายเกินแก้

 

 


ตอนนี้เราเดินมาถึงครึ่งทางแล้ว พี่คมก็ทักให้ผมดูว่าทุกปีฝายเก็บน้ำตรงนี้ จะล้นตลอด แต่ปีนี้มันแล้งกว่าครั้งไหนๆ ธรรมชาติได้ส่งสัญญาณเตือนเรามาโดยตลอด อยู่ที่เราเองจะใส่ใจมันบ้างรึเปล่า

 

 


นี่ไม่ใช่ซากฟอสซิลหรือร่องรอยอารยธรรมของผีตองเหลืองหรอกครับ มันคือร่องรอยที่ชาวบ้านมาขุดแมงนุนนี่แหละครับ

 


การพาตัวเราเข้าไปใกล้ชิดกับธรรมชาติอยู่เสมอ ช่วยฝึกให้ตัวตนของเราเล็กลง และพัฒนาจิตสำนึกให้ใหญ่ขึ้นได้ สุดเส้นทางการเดินป่า เราได้พบเจอแหล่งต้นน้ำของแม่กำปองแล้ว จากกลางป่าเราจะไปลุยต่อกันที่น้ำตกแม่กำปอง

 


หลุดออกจากป่ามา เราเดินเลาะขึ้นดอยมาอีกนิดนึง แวะชมวิวของหมู่บ้านที่ร้านกาแฟชมนก ชมไม้ แม่เจ้า เพลง i believe i can fly ลอยมาในหัวเลยทันที 5555

 

 

 

ไม่ต้องกลัวหลง ไม่ต้องพึ่ง GPS เดิน เดิน และ เดิน มาตามถนนเรื่อยๆ ถ้าเจอแอ่งน้ำไหลผ่านถนน นั่นหมายความว่าเราถึงจุดหมายแล้วแน่นอน เชื่อหัวไอ้เจ๋งได้เลย

 

 

ช่วงนี้เป็นหน้าร้อน (มาก) น้ำจึงค่อนข้างแห้ง  แต่ก็ยังพอมีน้ำเย็นๆ ไหลลงมาเรื่อยๆ ให้ได้ เอาเท้าจุ่มน้ำคลายร้อนกันบ้าง

 

 

 

น้ำตกแม่กำปองมี 7 ชั้นครับ แต่ว่าเราสามารถขึ้นไปสำรวจได้แค่ 3 ชั้น เพราะบันไดมันพัง รู้ว่าเสี่ยง แต่ไม่ต้องลองนะ เชื่อเจ้าถิ่นเค้าเถอะ!

 

 

 

ครึ่งวันนี้ที่ผมได้อยู่กับพี่คม ผมแทบไม่ต้องถามความรู้สึกแกเลยว่ารักที่นี่รึเปล่า แววตา และคำพูดของแกมันบ่งบอกถึงความใส่ใจและเอาใจใส่ธรรมชาติที่นี่  ป่าเหมือนบ้านหลังใหญ่ของพี่คม คงไม่มีใครไม่รักบ้านตัวเอง

 

 

กลิ่นของดินจางๆ ลมอ่อนๆ ที่พัดยอดไม้ อากาศที่เย็นตลอดปี เสน่ห์ของที่นี่คือธรรมชาติที่บริสุทธิ์และความเรียบง่าย หมู่บ้านเล็กกลางป่าใหญ่ ชาวบ้านใช้ชีวิตร่วมกับผืนป่า พวกเค้าจึงรักและดูแลมันเหมือนพี่น้อง อยากให้คนที่ไม่เคยลองเดินป่ามาลองดูครับ แล้วคุณจะหลงรักธรรมชาติของที่นี่ 

 

 

ท่านใดมีเส้นทางเดินป่าและน้ำตกน่าสนใจ แนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

 

 

ปายในใจฉัน

$
0
0

 

คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ปาย” เมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของผู้คน วิถีชีวิตและธรรมชาติ แม้แต่ชาวต่างชาติจากทุกที่ยังเดินทางมาสัมผัส หากย้อนกลับไปในอดีต ก่อนที่ปายจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ปายนั้นเป็นที่รู้จักของนักเดินทาง Backpacker เพราะเส้นทางจากเชียงใหม่มายังอำเภอปายเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นยังไม่สะดวกสบายเท่าปัจจุบัน


 

การใช้ชีวิตของผู้คนเมืองปาย ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา
 
แต่ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน วันเวลาปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาให้ปายดูดีทันสมัยและเป็นที่นิยม แต่ลึกๆแล้ว เสน่ห์ที่คนบางส่วนมองไม่เห็นนั่นก็คือ ธรรมชาติ และ วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น หลากชนเผ่า ที่ปาย รวมถึงอำเภออื่นๆของจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังคงมีและรักษาไว้
 
ผมในฐานะคนคุ้นเคยที่อาศัยอยู่ที่ปาย10ปีเต็ม จากวันแรกถึงวันสุดท้ายที่ผมต้องย้ายออกจากอำเภอปายด้วยเหตุของวิถี ผมเห็นการเติบโตของเด็กน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมชาติของการเจริญเติบโต สิ่งที่คงอยู่ในความทรงจำผมคือ “หลายๆสิ่ง” จากที่นี่ ทั้งมวลมิตรสหาย คนต่างถิ่น คนเดินทางที่ผ่านมา หยิบยื่นมิตรไมตรีให้แก่กัน
 


“ปาย” ได้แต้มรอยยิ้มเล็กๆ ลงบนใบหน้าของนักท่องเที่ยว


ปาย เป็นเมืองยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยวและนักเดินทาง เมืองที่มีชาวต่างชาติเข้า-ออกวันหนึ่งหลายคน  ไม่นับรวมช่วงเทศกาลท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยทยอยขึ้นมาสมทบ การกลับมาปายครั้งนี้ เสมือนเป็นการกลับมาบ้านตัวเอง ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่แทบไม่มี แม้ว่าจะย้ายออกมานานร่วมเกือบปีแล้ว
ภาพการเปลี่ยนแปลงภายนอก ทั้งผู้คน สิ่งปลูกสร้าง โดยเฉพาะบริเวณจุดศูนย์กลางการค้าขายช่วงถนนคนเดินเกิดขึ้นหลายที่ แต่ภาพที่ไม่เปลี่ยนเลยคือภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านทางฝั่งทิศตะวันออกที่ตั้งวัดพระธาตุแม่เย็น และทิศตะวันตกคือหมู่บ้านจีนสันติชล เสมือนว่าได้รับการโอบกอดจากปาย ใช่แล้วที่นี่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงสลับกัน

 

ต้นหญ้ากำลังเต้นระบำไปตามสายลมเย็นที่พัดผ่านเมืองปาย


 
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ธรรมชาติรอบปายดูเขียวขจีชุ่มฉ่ำ ถนนคนเดินไม่คึกคักเหมือนฤดูท่องเที่ยว แต่ภาพเคลื่อนไหวบนถนนคนเดินก็ดูไม่หยุดนิ่ง โดยเฉพาะภาพวิถีชีวิตประจำวันของคนในชุมชน ทั้งตลาดเช้า เย็น  รวมถึงตลาดกลางคืนบนถนนคนเดิน
 
แสงไฟระยิบระยับจากถนนคนเดินนำทางให้ผู้คนออกมาเดินทอดน่องชมบรรยากาศสบายๆ ในยามค่ำคืน
 
อาชีพใหม่ของคนในพื้นที่คือไกด์นำเที่ยว ความได้เปรียบส่วนหนึ่งของคนพื้นเมืองที่นี่ ที่นอกเหนือจากชาวไทยใหญ่ และลีซอแล้ว ก็มีชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนาน ธุรกิจท่องเที่ยวระหว่างนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวปายจึงเกิดขึ้นหลายจุด รวมถึงยังคงมีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเดินป่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจการผจญภัย
 
เสียงดนตรีดังแว่ว เพลงชีวิตถูกบรรเลงขึ้นผ่านเครื่องดนตรีพื้นเมือง
 
หน้าฝนเป็นช่วงที่ฝนตกชุกในบางพื้นที่ เราจะเห็นกลุ่มเมฆฝนลอยตัวเป็นพริ้วเหมือนผ้าม่าน หากยืนอยู่ในจุดชมวิวเช่นวัดพระธาตุแม่เย็น ก็จะมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองปายแบบ panorama หรือหากต้องการไปยืนเหยียบก้อนเมฆหนาเหมือนในหนังจีนกำลังภายใน ก็ขึ้นไปนั่งจิบชาอุ่นๆ บนจุดชมวิวหยุนไหลที่หมู่บ้านจีนสันติชล แน่นอน มาที่นี่เราจะได้เห็นวัฒนธรรมจีนยูนนาน อาหารจีนต้นตำหรับ บางสูตรแบบโบราณ บางสูตรแบบประยุกต์ ไม่ต้องไปเปรียบเหมือนที่ไหน เพราะที่นี่คือปาย ความหลากหลายที่อยู่ร่วมกันคล้ายละครแต่ละบทที่ให้เราเลือกสัมผัสรับชม
 
ความรู้สึกที่หลากหลายถูกถ่ายทอดผ่านดวงตาใสซื่อของเด็กน้อย
 
ยามค่ำคืนจะว่าเงียบสงบก็ใช่ เพราะที่นี่ยังคงเป็นชนบทและธรรมชาติที่สมบูรณ์ จะมีเพียงในบริเวณตัวอำเภอที่มีร้านรวงนั่งดื่มสำหรับผู้มาเยือนได้รื่นเริง สำราญตามเวลาที่กฎหมายกำหนด อยู่กันอย่างเคารพทั้งผู้อื่นและเคารพในธรรมชาติ
 
การปั่นจักรยานคือภาพที่ถูกพบเห็นเป็นประจำในเมืองปาย
 
ปายมีร้านกาแฟหลายร้าน หนึ่งในร้านดั้งเดิมอย่าง All about coffee ก็ย้ายมาอยู่เชียงใหม่แล้ว ให้ร้านกาแฟรุ่นหลังๆสร้างตำนานกันต่อไป ส่วนใครจะสร้างตำนานร้านกาแฟขึ้นมาใหม่ ก็ต้องสร้างรสชาติและเสน่ห์ให้คนที่ผ่านมาจดจำ ผู้คนที่ผ่านมาสัมผัสรสชาติกาแฟที่ปายก็จะกล่าวขานกันปากต่อปาก ร้านกาแฟที่น่าจับตามองมีอยู่หลายร้าน อยากให้หาและสัมผัสกันด้วยตัวเอง ส่วนตัวผมมีอยู่สองร้านคือร้านกาแฟเข้าท่า และ ร้านกาแฟช้างเผือก ไม่ได้โฆษณาให้ แต่อยากให้ไปลองกันดู เพราะเสน่ห์ที่นอกเหนือจากรสชาติของกาแฟนั้นก็คือวิธีการ
 
ปายยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
 
เมืองกระเทียม? ท่านเค๊าแดร๊กคิวล่าคงไม่อยากมาปาย แต่นั่นมันเรื่องของท่านเค๊า เพราะคนส่วนมากยังอยากมาปาย และนอกเหนือจากกระเทียมก็มีข้าวโพด, ถั่วเหลืองและนาข้าวเขียวขจี หากอยากมาชมสัมผัสวิธีการตั้งแต่ช่วงดำนาและเก็บเกี่ยว ก็เปิดปฏิทินเลือกวันหยุดเดินทางมาสัมผัสกัน มาอยู่กันสองสามวัน มาซึมซับใช่เพียงแค่ผ่านมา
 
ตลาดเมืองปายมีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ 
 
 

เมืองโรแมนติก?

หากย้อนไปหลายสิบปี มีกลุ่มนักเดินทางที่ผ่านมา บางส่วน ผันตัวจากหน้าที่การงานที่มั่นคงในเมืองใหญ่มาตั้งรกรากและใช้ชีวิต สร้างงาน เขียนหนังสือ และอื่นๆกันที่นี่ ตำนานจึงเกิดขึ้น นิยายความรักจึงตามมา แต่ความเดิมตำนานความรักที่ปายก็คงมีอยู่ หากต้องไปสืบเสาะถามจากปากคนแก่คนเฒ่า วิธีการเขียนหากันผ่านข้อความทางจดหมายหรือไปรษณียบัตรก่อนยุคที่แป้นพิมพ์และแชทไลน์จะเกิด หนุ่ม-สาวใช้เวลาหลายวันกว่าจะได้รับความคิดถึง คนที่มาอยู่ปายในช่วงนั้นก็คล้ายกับถูกความเหงาครอบงำ แต่นั่นเป็นวิธีที่เขาเลือกแล้ว ในสถานที่ที่ไกลจากความเจริญ การระบายความรู้สึกต่างๆนาๆ ออกมาเป็นตัวอักษร นิยายและบทกวี หรือแม้แต่ภาพวาด จึงเป็นวิธีการในเชิงสร้างสรรค์งานของรูปวรรณกรรมและจิตรกรรม กับเรื่องราวที่ปาย ในยุคการแสวงหาของคนหนุ่มสาว ยุคที่นักเดินทางยังกำหมัดชูนิ้วโป้งยื่นมือโบกรถที่ผ่านทางมา และวัฒนธรรมการเขียนหากัน ตำนานร้านโปสการ์ดแห่งแรก สถานที่แหล่งรวมของมวลมิตรและผู้สัญจรที่ผ่านมาพบปะกัน “ร้านมิตรไทย” (ปัจจุบันปิดตัวแล้ว)
 
 
ตู้ไปรษณีย์สีแดงยืนยิ้มรับโปสการ์ดจากผู้คนที่ผ่านไปมา
 
ปายจึงมีเรื่องเล่าและตำนานสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ตามยุคสมัยและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น แม้ว่าความสะดวกสบายในปัจจุบันจะเพียบพร้อม แต่มนต์เสน่ห์ในช่วงยุคหนึ่ง ก็ยังคงคุกรุ่นให้คนหนุ่มสาวยุคใหม่ๆมาสัมผัสกัน
 
 
Viewing all 19 articles
Browse latest View live